มาร์เกอริต ดูราส : เสียงในความทรงจำ

“อาจจะ บางที เป็นไปได้ว่า แต่ก็อาจจะไม่” คำเหล่านี้อาจจะเป็นคำที่เหมาะเจาะเมื่อคุณจำเป็นจะต้องอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นและเจือจางไปต่อหน้าจอของคุณในภาพยนตร์ของมาร์เกอริต ดูราส (Marguerite Duras) ราวกับมีบ้านสักหลังที่คุณมองไม่เห็นบ้านทั้งหลัง หรือห้องที่คุณเห็นเพียงบางส่วน ต่อให้ใหญ่โตโอ่อ่าอย่างโรงแรมหรือวิลล่าสวยๆ คุณก็จะจินตนาการไม่ออกว่าสถานที่นั้นคือที่ใด ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ตัวละครที่คุณเห็นดูราวกับจะเป็นภูตผีมากกว่ามนุษย์ ภูตผีซึ่งล่องลอยอยู่บนจอท่ามกลางเสียงเล่าที่ไม่นำพาเราไปสู่สิ่งใด เมื่อใครทำอะไร เรามักจะไม่เห็นว่าเขาหรือเธอทำ เราอนุมานเอา และอย่างไม่อาจรับทราบถึงแรงจูงใจใดๆ พวกเขาอาจจะตายมาแล้วสองร้อยปี หรือไม่ได้มีอยู่ อาจจะทำหรือไม่ได้ทำ รักหรือไม่ได้รัก หรือบางทีอาจจะเป็นแค่ภาพเรืองแสงคล้ายมนุษย์เท่านั้น

ใครต่อใครอาจรู้จักเธอผ่านภาพร่างเปลือยของเด็กสาวแรกรุ่นที่มีชู้รักเป็นหนุ่มใหญ่ชาวจีนจากหนังอีโรติคอย่าง The Lover (ที่สร้างจากบทประพันธ์ของเธอเอง) ภาพลักษณ์ exotic ของเวียดนามกลายเป็นภาพจำที่เรามีต่อมาร์เกอริต ดูราส หากในหนังเลือกหยิบเพียงส่วนเดียวจากชีวิตของเธอมาเล่า แล้วขยายภาพฉากรักเสียจนเลิศเลอ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอคือเด็กสาวชาวฝรั่งเศสที่เกิดในเวียดนาม พ่อกับแม่ของเธอเดินทางมาอาศัยที่เวียดนามตามโครงการของรัฐที่ให้คนฝรั่งเศสเข้าไปอาศัยในดินแดนอาณานิคมได้ หลังจากใช้ชีวิตวัยเด็กและแรกรุ่นในประเทศแถบอินโดจีน ดูราสและครอบครัวย้ายกลับมาฝรั่งเศส เธอเข้าเรียนสาขารัฐศาสตร์ กฎหมาย ฝักใฝ่ในลัทธิคอมมิวนิสต์ และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มต่อต้านนาซี

เธอเป็นทั้งนักเขียนนวนิยาย บทละคร ผู้กำกับหนัง และเป็นนักคิดคนสำคัญที่ไม่เคยเข้าพวกกลุ่มใด งานวรรณกรรมของเธอนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างดี ทั้งในแง่ของความงดงามทางภาษา และเสียงเล่าที่ทรงพลัง ไม่ปะติดปะต่อ ผุดพรายประหนึ่งห้วงความทรงจำที่เลือนเอาทั้งเหตุการณ์ สถานที่ และเวลาเข้าหากัน

หากในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ ชื่อมาร์เกอริต ดูราส มักถูกจดจำในฐานะคนทำหนังที่เต็มไปด้วยการทดลองอันหาญกล้า หนังของดูราสพร่าเลือนเสียยิ่งกว่าวรรณกรรมของเธอ คนดูครึ่งหนึ่งชื่นชมบูชาเธอในฐานะคนทำหนังที่ก้าวไปสู่ขอบเขตใหม่ๆ ของภาพยนตร์อย่างไม่ประนีประนอม ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งสาปส่งหนังของเธอว่ามันช่างน่าเบื่อ ไม่มีใครทำอะไรในหนัง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่คนนั่งอ่านหนังสือ โธ่เอ๋ย !

ตัวละครหลักที่เป็นสตรี เสียงเล่าที่ซับซ้อน แตกกระสานซ่านเซ็นจากตัวภาพในระดับที่ไม่อาจประสานกันได้ แต่ก็ไม่อาจดำรงคงอยู่เพื่อให้มีความหมายอย่างสมบูรณ์ในตัวมันเองได้เช่นกัน หรือเรื่องเล่าของความรักที่ไม่อาจครอบครอง ซึ่งเป็นประหนึ่งภาพสะท้อนในสองระดับ ทั้งต่อตัวละครที่กัดกินลึกซึ้งลงในความรู้สึกสะเทือนไหว ไร้ความจีรังยั่งยืน ราวกับเมื่อเริ่มตกหลุมรัก ความรักก็กำลังตายลง และในอีกทางหนึ่งความรักที่ไม่อาจเติมเต็มนี้สะท้อนความเจ็บปวดต่อโลกในอีกระดับด้วยเช่นกัน
****