นิทานการเมือง เรื่อง “การปฏิวัติกับความสยองขวัญสีขาว”

ผลงานผ่านการพิจารณาให้เผยแพร่ โครงการ “เขียนใหม่นายผี” รายการที่ 3

ประเภทนิทานการเมือง หัวข้อ “การปฏิวัติที่ห่าม 2019 edition”

โดย ช้างบักจูง

 

ก่อนย่ำรุ่งในฤดูฝนที่ประเทศสยามานา ประเทศที่ได้ผ่านการรัฐประหารมามากมายหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่แสงอาทิตย์จะปรากฏ บนรถไฟขบวนหนึ่ง ขบวนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลายเพศหลายวัย ผู้คนที่เบียดเสียดกันแทบจะเต็มตู้รถไฟ ชายผมขาวคนหนึ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมรำพึงออกมา

“๕ ปี ภายหลังรัฐประหาร มันไม่ใช่ ๕ ปีภายหลังการปฏิวัติ มันไม่ใช่การปฏิวัติเลย มันเป็นได้เพียงการปฏิวัติที่ห่ามเท่านั้น มันจึงมีแต่ความเปรี้ยว ไม่มีรสหวานปนอยู่เลย”

“จะไม่ใช่การปฏิวัติได้อย่างไรกันละลุง ในเมื่อเขายึดอำนาจของประเทศไปจนหมดสิ้น มีอำนาจที่เรียกว่าอำนาจ ๕๕ ใช้ได้ตามใจชอบ จะออกกฎหมายกดขี่พวกเราเป็นวัวควาย จะบุกมาจับเราเฉย ๆ หรือบางทีอาจตัดสินเรากลางตลาดหาว่าเราเผาตลาดแล้วยิงเราทิ้งตรงนั้นก็ได้ อำนาจที่เขามีมันถึงเพียงนั้น ยังจะไม่ใช่การปฏิวัติอีกหรือ”
ชายหนึ่งคนที่นั่งตรงข้ามกับชายคนแรกเอ่ยปากขึ้น เขาคงเดาว่าชายคนแรกนั้นเพียงรำคาญที่เขาพูดคุยเรื่องการเมืองกับเพื่อนอย่างออกรส เสียงไอดังขึ้นสองสามครั้ง

“การปฏิวัติที่แท้จริงนั้นควรจะทำลาย ‘ความสยองขวัญสีขาว’ ให้หมดสิ้น ไม่ใช่ขยายความสยองขวัญสีขาวนี้ให้เป็นวงกว้าง เพียงข้อนี้ข้อเดียว สิ่งที่ไอ้คุณสมชายนั้นทำไปก็ไม่อาจนับว่าเป็นการปฏิวัติได้เสียแล้ว”

“แต่อย่างไรเสียไอ้ความสยองขวัญสีขาวนั้นก็แพร่กระจายจนไม่มีใครออกมาต่อต้าน มันแพร่กระจายจนเราต้องปฏิบัติตามแต่โดยดี เห็นบ่น ๆ กันบ้างก็แค่ค้าขายไม่ค่อยคล่อง ขูดรีดภาษีเท่านั้น แต่บ่นได้ไม่นานก็ลืมเลือน แล้วปฏิบัตินู้นนั้นนี่ตามคำสั่งของเขาอยู่ดี ยังไงมันก็ปฏิวัติรัฐประหารเสร็จเรียบร้อยแล้วแหละ ฉันว่า”

“ผมขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ” เพื่อนของชายคนที่สองพูดเบา ๆ ก่อนเดินไปอีกทางหนึ่งของขบวนรถไฟ ท่ามกลางคนที่แน่นเยียด และยิ่งเยอะกว่านี้อีกเมื่อใกล้ ๆ วันเทศกาลที่ผู้คนต่างเดินทางแทบทุกสารทิศ

“แม้อำนาจรัฐตอนนี้จะตกอยู่ในมือของคุณสมชายจนเราไม่อาจต่อสู้ได้ก็จริง แต่มันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าการกระทำเมื่อ ๕ ปีที่ผ่านมานี้มันหาใช่การปฏิวัติไม่ อันที่จริงการปฏิวัติเมื่อ ๒๔๗๕ ของนาย พ. และนาย ๒ป. นั้นถ้าจะกล่าวโดยตรงแล้วก็เป็นประกายไฟของการปฏิวัติเท่านั้น มันยังไม่ใช่การปฏิวัติที่สมบูรณ์”

“อ่า ฉันจะลองฟังดูถ้าการก่อการของนาย ๒ป. และ นาย พ. นี้ยังไม่อาจนับว่าเป็นการปฏิวัติของลุงแล้ว แล้วการปฏิวัติของลุงนั้นเป็นอย่างไรกันเล่า”

“เราจะต้องเข้าใจเสียก่อนว่าการก่อการครั้งนั้นมีหลายต่อหลายขั้นตอน ขั้นตอนในการปรับเปลี่ยนระบอบการเมืองของประเทศนี้นั้น กลุ่มผู้ก่อการนั้นสามารถทำได้สำเร็จ ขั้นตอนต่อ ๆ มาเล่า การศึกษาของประเทศเรานับถึงทุกวันนี้การศึกษาในสิ่งที่เราเรียกว่าโรงเรียน เป็นเพียงเครื่องมืออันหนึ่งของรัฐที่พยายามจะปลูกสร้างอุดมการณ์ที่ชาติยึดถือลงในผู้ที่ได้เข้าไปครั้งนั้น อีกทั้งการศึกษายังนำไปสู่การขูดรีดผู้ยากไร้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างโหดร้าย การศึกษาที่ควรสร้างความสวยงามให้แก่ชีวิตของผู้ศึกษา สุดท้ายแล้วกลายเป็นเพียงเครื่องมือขูดรีดอันหนึ่งเท่านั้น”

“ขออนุญาตเข้าไปนั่งหน่อยนะครับ” ชายที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำกลับมาขณะที่การพูดคุยกำลังออกรส

“แล้วอะไรอีกเล่าคือการปฏิวัติของลุง”

เสียงไอดังอีกสองสามครั้ง ก่อนที่ชายคนแรกจะหยิบน้ำขึ้นมาจิบก่อนจะพูดต่อไป

“การยุติธรรมนี้นั้น คณะผู้ก่อการก็ยังไม่ทันได้ทำจนเป็นผลสำเร็จขึ้นมาแต่อย่างใด บ้านเราเมืองเรานี่นั้นการกดขี่ความเป็นคนของคนทั่ว ๆ ไปยังมีอยู่มาก กระบวนการยุติธรรมบางครั้งถูกใช้เพื่อเป็นเครื่องมือของบางอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจประชาชน สหายเอย ลองตรองดูเถิดกระบวนการยุติธรรมนั้นควรรับใช้ซึ่งประชาชนหรืออำนาจ อีกหนึ่งนั้นเหล่า██████████████████████████████████████████████████████████████████████████████████ไม่ยอมปรับตัวกับสถานการณ์ของโลก และยังคงตั้งเด่นเป็นอนุสาวรีย์ของความไม่เท่าเทียมของคนอยู่อย่างนั้น ในด้านเศรษฐกิจนั้นเล่า ปัจจุบันก็เห็น ๆ กันอยู่ แม้เหล่าผู้ก่อการจะวางแผนไว้แล้ว แม้ไม่อาจทราบได้ว่าแผนนั้นเป็นแผนที่ดีหรือแผนที่ไม่ดี แผนการทางเศรษฐกิจของคณะผู้ก่อการณ์ก็ไม่อาจจะกระทำลงไปได้ ด้วยแรงต้านของพลังกลุ่มอนุรักษ์นิยม โปรดจงดูประเทศนี้เอาเถิด ประเทศที่มีนายทุนผู้กดขี่เอาส่วนต่างทางการผลิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง นายทุนที่ขูดรีดเหล่าราษฎรอยู่ทุกตารางนิ้ว แล้วจึงนำผลิตผลของการขูดรีดของตนย้อนคืนแก่ผู้ถูกขูดรีดในนามของ ‘การกุศล’ แม้กระทั่ง ████████████████████████หนีไม่พ้นแนวคิดนี้ เมื่อมองเช่นนี้ สหายของข้ายังจะเรียกสิ่งนี้ว่าการปฏิวัติได้อีกหรือไม่ สาหรับฉันนั้นแน่ใจมานานแล้วว่าไม่ได้”

“แม้เราจะรู้เช่นนี้ แล้วสิ่งใดที่เราจะกระทำได้ เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งขบวนรถไฟนี้ต่างก็เป็นเพียงหลาย ๆ ราษฎรที่ตัวตนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น การปฏิวัติที่ท่านว่าไว้นั้นคงถึงจุดสดสิ้นสุดไปเสียแล้ว”

“สหายเอ๋ยเมื่อไฟแห่งการปฏิวัติถูกจุดแล้ว มันยากที่จะดับลงได้ ขอเพียงเรามีความหวังและรอจนถึงวันนั้น วันที่การปฏิวัติที่แท้จริงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่เหล่าประชาชนจะต้องลุกขึ้นสู้”

นายตรวจตั๋วบนรถไฟเดินมาอีกครั้งจากหัวขบวนสู่ท้ายขบวนพร้อมบอกว่ากำลังจะถึงปลายทางข้างหน้า ชายคนแรกลุกขึ้นจากที่นั่งกล่าวบทสนทนาสุดท้ายออกมา

“การปฏิวัติยังไม่ทันจบสิ้น”

ก่อนจะลงรถไฟและปรากฏตัวอยู่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งไม่ห่างจากสถานีรถไฟมากนัก

“ฉันพาเธอมาส่งแล้วนะฟาตีมะห์ ฉันพาเธอกลับมาสู่บ้านแล้ว แม้เธอจะยังไม่ทันได้เห็นการปฏิวัติที่แท้จริง แต่สักวันหนึ่ง หากประชาชนไม่หมดหวังไปเสียก่อน การปฏิวัติที่แท้จริงย่อมเกิดขึ้น และประชาธิปไตยจักได้เกิดขึ้นบนดินแดนนี้เสียที”

 

ช้างบักจูง เคยพานายผีเข้าสู่ประเทศประเทศลาว เมื่อครั้นกองกำลังปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยล่มสลาย ในโลกแห่งตัวหนังสือ “ช้างบักจูง” หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพาท่านไปสู่ความเพลิดเพลินใจไม่มากก็น้อย ด้วยความรู้บางประเภท บางประการ ขอขอบพระคุณเรืองรอง รุ่งรัศมี สำหรับคำศัพท์ ‘ความสยองขวัญสีขาว’ และหวังว่ามันจะหายไปในไม่ช้า