สงครามในเฟซบุ๊ค: เมื่อใบหน้าเรียบเฉยถูกแปรเปลี่ยนเป็นจิตใจอันเร่าร้อน

ตรรกะของความไม่เห็นด้วย นำไปสู่การปฏิวัติต่อความเงียบทางการเมือง มันทำให้กลุ่มคนที่ไม่มีเสียงในสังคมมีเสียงขึ้นมา นั่นคือความเงียบปฏิวัติและยึดอำนาจตนเอง
ฌาคส์ ร็องซีแยร์

เสียงกระสุนปืนบนถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ไม่เพียงทำลายชีวิตคนไทยด้วยกันเท่านั้น หากแต่มันยังทำลายขนบแห่งการใช้สื่อ Social Media ในประเทศไทยลงไปด้วย เสียงสะท้อนไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของรัฐบาลดังขึ้นอย่างรวดเร็วใน Facebook หรือ Twitter ก่อนข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ออนไลน์ด้วยซ้ำ และก็เช่นเดียวกับเสียงสะท้อนในธรรมชาติทั่วไปที่มักดังก้องอย่างต่อเนื่องและต่อเนื่อง เมื่อเสียงหนึ่งเงียบลง อีกเสียงก็จะสอดประสานขึ้นมา และเมื่อเสียงทั้งหลายกึกก้องรวมกัน มันก็หาได้เป็นเพียงเสียงสะท้อนอีกต่อไป หากแต่ได้กลายเป็นเสียงกู่ตะโกนที่โด่งดังที่สุดเสียงหนึ่งในสังคมไทย
*
เป็นเรื่องยากที่จะพูดว่าการกู่ตะโกนเหล่านั้นจะส่งผลอะไรในอนาคต แต่เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่ามันก่อตัวขึ้นจาก
สิ่งใด อาการอึดอัดขัดข้องอันเกิดจากการถูกปิดกั้นในการแสดงความเห็นเป็นบ่อเกิดเช่นนี้ โทรทัศน์ PTV ถูกปิด เว็บไซต์ประชาไทถูกบล็อค สถานีโทรทัศน์สาธารณะเลือกการเสนอข่าว หนังสือพิมพ์กระแสหลักเลือกเสนอข่าวเพียงด้านเดียว การดิ้นรนเพื่อแสวงหาแหล่งติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในกลุ่มผู้รักในความคิดเสรีนิยมและมนุษย์นิยมจึงเกิดขึ้น และมันลงตัวอย่างยิ่งกับสื่อ Social Media อย่าง Facebook ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่จะโพสต์ข้อความส่วนตัวที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐลงได้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถที่จะแชร์ลิงก์วิดีโอที่หาไม่ได้จากโทรทัศน์สาธารณะ ความสามารถในการสร้างบทความและแบ่งปันมันในฐานะความรู้ที่หาอ่านไม่ได้จากหนังสือพิมพ์กระแสหลัก รวมถึงมันยังสามารถเพิ่มเพื่อนที่มีความเห็นใกล้เคียง จัดการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนและเปิดการถกเถียงเยี่ยงในเว็บบอร์ดทั่วไปอย่างกว้างขวาง ไม่ต่างจากการนั่งร่วมสนทนากันบนโต๊ะกาแฟ
*
อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนเองจะต้องร่วมเป็นหนึ่งในผู้หลั่งไหลไปในกระแสธารแห่งการต่อสู้บนหน้า Facebook ในช่วงก่อนความขัดแย้งจะเกิดขึ้น ผมไม่ต่างจากผู้ใช้ธรรมดา ที่เขียนเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันลงใน “สเตตัส” อัพโหลดเพลงจาก Youtube บนหน้า “วอลล์” แบ่งปันบทความด้านวรรณกรรมจากนิตยสารออนไลน์ที่น่าสนใจมาให้คนอื่นได้อ่าน ชีวิตของผมในโลกนั้นเรียบง่ายจนกระทั่งเสียงปืนบนถนนราชดำเนินในวันที่ 10 เมษายนดังขึ้น ชีวิตของผมเรียบง่ายจนกระทั่งเมื่อเพื่อนคนหนึ่งโพสต์ข้อความลงบนสเตตัสของเขาในนาทีต่อมาว่าความตายของคนกลุ่มนั้นบนท้องถนนเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งและผมแสดงความเห็นแย้งในวอลล์ของเขา การถกเถียงอย่างเอาเป็นเอาตายก็เกิดขึ้น ผู้คนที่ไม่เคยรู้จักมากหน้าหลายตาถาโถมกันเข้ามา คนที่เห็นด้วยกับความเห็นของผม “แอด” ผมเป็นเพื่อน เพื่อนที่ไม่เห็นด้วยกับผมเอาชื่อผมออก และหลังจากการถกเถียงนั้นจบลง ในอีกสองวันต่อมา โลกเสมือนใน Facebook ที่เข้มข้นไม่แพ้โลกภายนอกก็บังเกิดขึ้น
****