ก่อนขอคืนพื้นที่
ภายใต้การยึดครองพื้นที่ธุรกิจการค้าและย่านช็อปปิ้งชั้นนำ ณ สี่แยกราชประสงค์และอาณาบริเวณใกล้เคียงของกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดงมายืดเยื้อกว่าหนึ่งเดือน เป็นความจริงทีเดียวที่ข้าพเจ้ามีความอาลัยอาวรณ์อยู่พอสมควรต่อห้าง Central World อันรวมถึง Zen และ Isetan ที่จำต้องปิดอย่างไม่มีกำหนด
*
ล่วงเข้าสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคม ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าข้าพเจ้าไม่สามารถจะได้กระเป๋าเดินทางใบโปรดที่ส่งไปซ่อมที่นั่นกลับคืนตามกำหนด และต้องเสาะหาหรือหยิบยืมกระเป๋าใหม่ชั่วคราวสำหรับการเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศในคืนวันที่ 9 ใช่ว่าเจ้า Paul, the psychic octopus จะเป็นเทพพยากรณ์ได้ตัวเดียว ข้าพเจ้าเองก็สังหรณ์ใจอยู่เหมือนกันว่าจะต้องพลัดพรากจากสมบัติชิ้นนี้นานกว่าที่คาดเมื่อตอนตัดสินใจว่าจะเอาคุณ Mandoza (ยี่ห้อ) ที่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำไม่ทราบฝ่ายใบนี้กลับไปรับการรักษาพยาบาลตามระยะประกันที่แผนกกระเป๋าเดินทางของห้าง Zen แทนที่จะเอามันไปซ่อมตามร้านใกล้บ้านซึ่งก็คงจะเสียค่าบริการไม่กี่มากน้อยและใช้เวลาไม่กี่วัน เพราะสิ่งที่ต้องการซ่อมก็แค่ซิป
*
หลังกระชับวงล้อม
ไฟลท์ดึกจัดวันที่ 18 พฤษภาคมแลนดิ้งลงแบงค็อกมีผู้โดยสารบนเครื่องไม่ถึงหนึ่งในสี่ ไม่มีใครเสี่ยงมาโดนสไนเปอร์สะกิดกระหม่อมที่กรุงเทพฯ กันแล้วนอกจากคนไม่มีที่ไป ที่นั่งว่างเป็นเบือจนการย้ายที่นั่งเป็นสันทนาการที่ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นพวกไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีหมกมุ่นกันเป็นพิเศษ ข้าพเจ้าจัดอยู่ในผู้โดยสารประเภทนี้ แต่ทั้งนี้ทุกคนดูจะรู้กติกาว่าย้ายไปย้ายมาได้แต่เฉพาะในชั้นอีโคโนมีที่จ่ายมาเท่านั้น ห้ามล่วงล้ำเข้าไปในส่วนของชั้นบิซซิเนสหรือชั้นเฟิร์สต์คลาสที่มีม่านกั้นเป็นอันขาด มิฉะนั้นนอกจากเสียอารมณ์แล้วยังจะเสียหน้าอีกด้วย
*
ข้าพเจ้ากลับถึงมหานครที่กำลังฉาวโฉ่ที่สุดในโลกก่อนวันประกาศเคอร์ฟิวเพียงวันเดียว รอดจากการติดแหง็กที่ท่าอากาศยานอย่างฉิวเฉียด สามารถกลับมาเอกเขนกดูการกระหน่ำปดหน้าจอของศูนย์อำนวยการความเฉี้ยอย่างเต็มอิ่มหายคิดถึง หลังจากไม่ได้ดูไม่ได้ฟังเหล่าเพชฌฆาตหน้าลิเกไปเสียหลายวัน เพลงบรรเลงประกอบ ‘ประกาศ ศอฉ.’ ในระยะหลังก็ล้วนแต่ไพเราะกินใจ ข้าพเจ้าเจ็บไส้ติ่งแทบทนไม่ไหวพอได้ยินเพลง Auld Lang Syne (สามัคคีชุมนุม) เห็นได้ชัดว่าสมัยนี้พวกเพลงปลุกใจให้เหี้ยมหาญเขาไม่ใช้กันแล้ว กรมประชาสำรากยุคนี้ต้องนุ่มๆ หวานๆ เอียนๆ ให้คลื่นไส้เล่น แม่ยกถึงจะคลั่ง ความจริงถ้าใช้เพลงวอลซ์อย่าง Blue Danube บรรเลงประกอบการระดมยิงได้ การสังหารหมู่ครั้งนี้จะยิ่งบรรเจิดขึ้นไปอีก คราวนี้ไม่ทันแล้ว คงต้องเลื่อนไปคราวหน้า
*
หลังการยิงถล่มและการเผาวอด อันก่อให้เกิดซากและศพเกลื่อนกรุง โดยที่ผู้กระทำการ ผู้รับคำสั่ง ผู้สั่งการ ต่างได้รับการปูนบำเหน็จและแซ่ซ้องสดุดีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ข้าพเจ้ากลับมาประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดคือ เจ้าแมนโดซาถูกฌาปนกิจเป็นเถ้าไปแล้ว ส่วนความเป็นไปได้ที่มีหวังที่สุดคือ มันยังคงอยู่ที่ศูนย์ซ่อมข้างนอก ยังไม่ได้ถูกส่งกลับไปที่ Zen ซึ่งแปลว่า มันยังมีชีวิตอยู่ – ที่ไหนสักแห่ง
*
แต่คนเราถึงจะรักของเก่าแค่ไหน ก็มักแอบมีใจเป็นอื่น ร้านขายกระเป๋า Mandarina Duck แบรนด์อิตาลีซึ่งอยู่ติดกับห้าง Zen ชั้น G จะวอดหรือรอดหนอ ? ในครรลองเดียวกันกับมนุษย์ใจโฉดทั้งที่ไม่มีจะกินและมีอันจะกินบนโลกนี้ ข้าพเจ้าเกิดอกุศลจินตกรรมตามแบบฉบับขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ไหนๆ มันก็จะถูกเผาอยู่แล้ว ถ้าเราหยิบออกมาได้ซักใบสองใบก็คงจะดี! แน่ล่ะ ถ้าเราอยู่ในจุดที่ได้เปรียบทางโครงสร้างอยู่แล้ว การสนับสนุน ‘status quo’ (“ขอให้เหมือนเดิม”) ย่อมรับประกันความสงบสุขสถาพรของชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าการสนับสนุน ‘reform’ หรือ ‘revolution’ (“ประเทศไทยต้องเปลี่ยน”)
****