คืน “เรื่องที่ขโมยมา”
การเล่าเรื่องย่อคือการบีบอัดพื้นที่ (ของเรื่องเดิม) และเวลา (ของเนื้อเรื่อง) ให้หดเหลือแค่เศษส่วนของสาระหลัก แล้วยิ่งถ้าต้องเล่าเรื่องย่อของเรื่องสั้น จะเหลืออะไรให้อ่าน? อาทิเมื่อต้องย่อ “เรื่องที่ขโมยมา” ความว่า นายตำรวจคนหนึ่งพบว่าภรรยาแอบมีชู้ ตัดสินใจฆ่าเธอและฆ่าตัวตายในรถแท็กซี่ เรื่องย่อจึงเป็นการเรียบเรียงเนื้อเรื่องเสียใหม่โดยผละจากกระแสการดำเนินเรื่องของตัวบทเดิม สร้างตรรกะของเรื่องราวที่เหมือนจะเรียงร้อยเป็นระบบระเบียบ นอกจากจะเป็นการเล่าใหม่แล้ว การย่อเรื่องยังเป็นกระบวนการลดทอน หรือตัดตอนเอารายละเอียดและความซับซ้อนในวิธีการเล่าเดิมออก โดยเฉพาะ “เรื่องที่ขโมยมา” ในรวมเรื่องสั้น “ที่อื่น” ของ กิตติพล สรัคคานนท์ ไม่ได้ลำดับเรื่องเป็นเส้นตรงดิ่งจากสาเหตุไปหาผลลัพธ์ดังที่เรื่องย่ออาจชักนำให้คิดเช่นนั้น ปมของ “เรื่องที่ขโมยมา” คือปมของการตัด–ตอนที่ขมวดอยู่ในประเด็นและในรูปแบบที่จำเป็นต้องตาม/จับให้ทัน…
“อวัยวะส่วนนั้น”
ประเด็นของเรื่องคือปมของตัวละคร ปมของ “เขา” ผู้สูญเสียอวัยวะความเป็นชายไประหว่างการต่อสู้ครั้งหนึ่งกับผู้ร้าย และเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่เปิดมาในตอนใกล้จะจบ ทำให้ผู้อ่านผูกต่อ เบื้องหลังที่ผลักดันให้ภรรยาคบชู้ก็เนื่องเพราะเขาผู้เป็นสามีไม่อาจตอบความต้องการทางเพศได้อีกต่อไป ปมจากการสูญเสียความเป็นชายที่เรียกกันว่า castration หรือการตอน ยังเกี่ยวพันกับเนื้อหาส่วนอื่นๆ ของเรื่องทั้งหมดที่มีลักษณะเฉพาะของการไม่ปะติดปะต่อ ขาดความต่อเนื่องในสายสัมพันธ์และการสื่อสาร
ทั้งนี้สามารถสังเกตการขาดตอนดังกล่าวนับแต่การเลือกฉากดำเนินเรื่องหลักจากตอนต้นถึงตอนจบเป็นท้องถนนและการจราจรที่ติดขัดย่ำแย่ขัดขวางกระแสการเคลื่อนตัวที่ลื่นไหล การฆ่าตัวตายของเขาในรถแท็กซี่กลางถนนก่อให้เกิดไทยมุง ชะลอการขับเคลื่อนอื่นๆ ไว้ตรงบริเวณนั้น สามีภรรยาคู่หนึ่งถึงขั้นต้องงัดเอาเรื่องชวนหัวมาเล่าสู่ปลอบใจบรรเทาอาการเชื่องช้าไม่ต่อเนื่องของการจราจร ตอนท้ายสมมาตรกับจุดเริ่มต้นที่เปิดมาพร้อม “เขา” ที่ขยับรถได้อย่างช้าๆ โดยได้แต่จินตนาการถึงอุบัติเหตุหรือการขุดซ่อมทาง เป็นที่ชวนสังเกตอีกว่าในทั้งสองฉากที่รถติดโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ประพันธ์ย้ำเหมือนกันในทั้งสองครั้งว่า หลังจากผ่านจุดนั้นไป กระแสความลื่นไหลก็คืนมา คู่สามีภรรยาเริ่มหมดความอดทน “แต่เมื่อผ่านพ้นความโกลาหลไปแล้ว รถของทั้งคู่ก็สามารถแล่นต่อไปด้วยความเร็วปรกติ และกลับถึงบ้านในอีกไม่กี่นาทีต่อมา” ส่วนเขา: “การจราจรขาลงจากด่านตรวจคล่องตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาใช้เวลาแค่ห้านาทีไปถึงสี่แยกใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร” ความต่อเนื่องเสมือนเหตุอัศจรรย์ที่ย่นย่อทั้งเวลาและระยะทาง หรือคิดในทางกลับกัน จราจรมหัศจรรย์ ของเมืองหลวงเกิดขึ้นได้ก็เพราะปมพิสดาร ที่มาขัดกระแสการรุดหน้าทั้งหลาย คั่นการสืบต่อของเส้นทาง ขัดการสืบทอดของสายพันธุ์…
แม้แต่ภาพหน้าปกก็เป็นภาพขาวดำที่ไม่เต็มส่วนครบถ้วน ถูกตัดแบ่ง แยกส่วน ด้านซ้ายเห็นเพียงท้ายรถยนต์เสี้ยวหนึ่ง ส่วนที่เหลือหลุดออกนอกกรอบ ด้านขวาเห็นขาคนสองข้างในขณะที่ลำตัวถูกกรอบตัดเช่นกัน คนและรถยนต์แยกฝั่งกัน เหมือนกระเด็นผละจากกันเพราะอุบัติเหตุ
การขาดตอนเกาะกินถึงการสื่อสารของตัวละครในเรื่อง แม้แต่จินตนาการของเขาเกี่ยวกับการขุดซ่อมถนนและอุบัติเหตุก็ยังคลาดเคลื่อน ไม่ถูกสานต่อดังที่คิด ผิดคาดกลับกลายเป็นด่านตรวจ โทนเสียงเสียดสีและวิพากษ์สอดแทรกอยู่ในความไม่เป็นเหตุเป็นผลของความฉ้อฉลคอรัปชั่นเมื่อถูกตรวจใบขับขี่ “เขาถามตำรวจว่าเขาทำอะไรผิด ตำรวจไม่ตอบ” และแม้จะ “ละล่ำละลัก” ตอบรับปล่อยให้เขาผ่านไปหลังจาก “เห็นตราสัญลักษณ์ชัดเจนเต็มตา” ผู้อ่านยังคงไม่แจ่มแจ้งว่าหมายถึงอะไร เนื้อเรื่องยังไม่ตอบ อีกห้านาทีถัดไปการสื่อสารระหว่างบุคคลยังคงกระพร่องกระแพร่ง ต่อยังไม่ติด เมื่อเขาโทรหาเธอ แล้ว “เธอถามเขาว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เขาไม่ตอบ” เขาผู้ซึ่งไม่อาจสนองตอบภรรยาของตนทำได้แต่ตอบเธอด้วยการ “ไม่ตอบ” เสียงจากภรรยาที่ “ถามซ้ำอีกหลายครั้ง” จึงเป็นเพียงเสียงสะท้อนของตนเองที่วกเข้าหาตน ไร้คำตอบจากสามีผู้ไม่อาจตอบถึงตำแหน่งหรือพื้นที่ของตน “ตอนนี้อยู่ที่ไหน” อยู่ “ที่อื่น” อันเนื่องจากความเป็นอื่น ของเธอ…