“ดาวยั่ว” – “ดาวสยิว” – “ดาวโป๊”
สามคำข้างต้นถูกคนบางกลุ่มสร้างขึ้นเพื่อจำเพาะเจาะจงไปยังผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในหนังไทย พวกเธอถูกจองจำให้อยู่ในบท “นางร้าย” มากกว่า “นางเอก” “นางร้าย” ในความหมายที่ทำตั้งแต่ยั่วเย้าพระเอกด้วยเนื้อหนังมังสาบนเสื้อผ้าแสนวาบหวิว จนถึงขั้นวางแผนร้ายสารพัด เพื่อขจัดนางเอกให้พ้นทางรัก เป็นทั้งสีสันเผ็ดร้อนของหนังรักแสนชืด, เป็นดอกไม้งามในหนังบู๊ดีเดือด หรือแม้แต่ความวาบหวามใจในหนังตลกสัปดน
ทั้งที่จริงบทบาทของพวกเธอไม่ได้หยุดอยู่แค่ในจอ หากยังเปล่งประกายยังพื้นที่อื่นๆ และหน้าที่ก็ไม่ใช่แค่ยั่วยวนพระเอกหรือกลั่นแกล้งนางเอกอีกต่อไป แต่เป็นหัวหอกของสตรีไทยในยุค 2500 อันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงหนึ่งของสังคมการเมืองไทย
บทบาทของพวกเธอโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นส่วนสำคัญในหนังไทย และเป็นพลังหญิงยุคแรกที่กล้าลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจในสังคมชายเป็นใหญ่นี้ก่อนใครเพื่อน
กำเนิดดาวยั่ว
ข้อมูลในหนังสือ พิพิธภัณฑ์หนังไทย ฉบับ ประวัติการณ์ที่สุดหนังไทย บันทึกไว้ว่า หนังไทยเรื่องแรกที่มีฉากเย้ายวนทางเพศ คือ เสน่หาตามืด (2471) ผู้เขียนระบุว่า “มีภาพนางงามอาบน้ำเป็นจุดดึงดูด มีคำโฆษณาว่า แสดงร่วมกับนางงามอาบน้ำชาวสยามหมู่ใหญ่”
ส่วนดาวยั่วคนแรกจริงๆนั้น ข้อมูลในหนังสือเล่มเดียวกันระบุว่าคือ วาสนา ทองศรี ผู้รับบทยั่วยวนในหนังเรื่อง หลงทาง (2475) ที่นอกจากจะมีจุดขายเป็นหนังเสียงเรื่องแรกของไทยแล้ว ยังถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล อันเป็นผลมาจาก “กรณีของการนำเสนอภาพที่ไม่เหมาะสม ผิดจารีตประเพณีไทย เสื่อมเสียเกียรติของชาติ” โดยฉากที่มีปัญหาได้แก่ฉากที่มี “การเล้าโลมกอดจบู พระเอกอ้มุ นางรองมาป้อนอาหาร นางเอกอยู่บนเตียงห่มผ้าขนหนูผืนเดียว” นอกจากนี้ยังเป็น “ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่มีเนื้อหาและการนำเสนอภาพล่อแหลมต่อศีลธรรม โดยบทเลิฟซีนมีการจูบปากดูดดื่มและมีการจูบนม”