“อย่าใฝ่สูงนะ หล่อน” ฉันเคยได้ยินคำคำนี้กระแทกเบาๆ ใส่หูมาค่ะ… จำได้ไม่เคยลืม แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่า ทำไม เพราะอะไร ฉันถึงได้เกียรติให้ได้คำคำนี้มาประดับให้เจียมตัว
ในสังคมทุกๆ สังคม มันมีคนหลากหลายประเภทมากๆ ที่วิ่งหรือเดินไปตามเข็มนาฬิกาของตัวเอง คนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความฝัน เท่าที่ฉันเห็นรอบตัวส่วนใหญ่ก็หวังความก้าวหน้าให้กับชีวิตของตัวเองกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกับการที่คนเราจะหวังสูงขึ้น ใฝ่สูงขึ้น ก้าวไปสู่สังคมที่ดีกว่าเดิม ฐานะทางการเงินที่ดีกว่าเดิม เป็นปกติธรรมดาของสลิ่มทั่วๆ ไป หรือแม้แต่เสรีชนทั่วๆ ไปก็เช่นเดียวกัน “ห่าตัวไหนใฝ่ต่ำบ้างล่ะ” แม่บุญธรรมฉันกระซิบข้างๆ หูที่หดหู่จ๋อยแดกอย่างเจียมตัว ให้กลับมากระดิกริกริกอีกครั้ง
ในฐานะที่ฉันเกิดมาจากชนชั้นระดับล่าง มีพ่อแม่ที่ไต่เต้ามาจากชนชั้นระดับล่างสุดมาเป็นชนชั้นระดับกลางของประเทศได้ ฉันได้เล่าเรียนในสถาบันการศึกษาที่ดี ได้เข้าสังคมที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้พบคนมากมายหลากหลายชนชั้น ยิ่งมีโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ฉันก็ยิ่งได้คบหาคนมากมายกว่าเดิม โดยเฉพาะคนในระดับชนชั้นที่สูงกว่าชนชั้นดั้งเดิมของฉัน
ความโชคดีของฉันที่มีโอกาสได้เจอคนระดับนั้น ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าเราควรทำตัวอย่างไรที่จะไต่เต้าขึ้นไปให้ได้ แน่นอนการไต่เต้าบางครั้งก็อาจใช้เต้าไต่ได้ แต่บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป
เพื่อนๆ ในวงสังคมชั้นสูงของฉันบอกว่า สังคมชั้นสูงของไทยนี่มันไม่ได้เหมือนกับประเทศอื่นทั่วๆ ไป มันมีความมั่วผสมกันอยู่ ฉันก็เกาหัวละค่ะ อะไร ยังไง เพื่อนของฉันบอกว่า ในอเมริกานี่ไม่ได้มีพวกสังคมชั้นสูงเหมือนของฝั่งอังกฤษ ที่อังกฤษเขาจะมีเชื้อพระวงศ์ และข้าราชบริพารที่ใกล้ชิด รับใช้จนได้ตำแหน่งเลดี้ เซอร์ กัน ซึ่งคนเหล่านี้แหละคือ เซเล็บบริตี้ (celebrity) ของทางอังกฤษ แต่อเมริกานี่ไม่มีเจ้า ไม่มีเชื้อ และไม่มีขี้ข้า อเมริกาก็เลยต้องใช้พวกดาราฮอลลีวู้ดเป็นเซเล็บบริตี้แทน ซึ่งทั้งสองสังคมนี้แยกแยะอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก
แต่ไทยแลนด์แดนดัดจริต เป็นพวกลูกครึ่ง ได้มาทั้งสองแบบ เพราะช่วงสร้างสังคมจากการปฏิวัติ 2475 ก็มีทั้งคนที่มาจากอเมริกาและอังกฤษ ทำให้สังคมชั้นสูงนั้นเป็นแบบลูกผสม พวกเชื้อๆ สายๆ ก็ยังคงสังคมของตัวเองอย่างเหนียวแน่นแหละค่ะ แต่ก็มีบ้างที่แบบว่า..อะนะ.. ตกอับยากจน มรดกแจกจ่ายไม่ทั่วถึงเพราะลูกท่านหลานเธอเยอะ แบ่งกันไม่พอ หลายคนเลยต้องไปแต่งงานกับพวกเจ๊กจีนผิวซีดที่บังเอิญทำมาหากินจนรวยขึ้นมาพอฟัดพอเหวี่ยงมีเงินให้พอใช้กันไป หลายครั้งมันก็ผสมปนเปกันไปมา เลยมีศัพท์เรียกพวกเจ๊กจีนที่มาปะปนว่า พวกไฮซ้อ
พวกแม่ๆ ของเรายังคิดว่าตัวเองเป็นไฮซ้อเล้ยยย บอกตรงๆ แต่กับดาราไทยที่ก้าวไปในสังคมชั้นสูงนี่ จะไปยกย่องว่าเขาเข้าสังคมชั้นสูงได้แล้วนั้น คนในชนชั้นนั้นเขายืนยันนั่งยันเอาเพชรเม็ดงามยัน ก็บอกว่าพยายามยังไงก็ไม่ใช่ ถึงจะมีดาราดังๆ ไปแต่งงานกับคนในวงไฮโซแต่ยังไงก็ยังไม่ใช่ เขาฝากบอกมาว่า คนดัง ก็คือคนดังที่ยังพยายามอยู่ และไฮโซ ก็คือไฮโซที่คนดังยังต้องตะเกียกตะกายไปให้ถึงให้ได้อยู่ดี
ไฮโซอาจไม่ใช่คนดัง แต่พวกเขาอยู่ในสังคมชั้นสูงแน่ๆ แต่คนดังก็ไม่ได้ว่าจะเป็นไฮโซไปซะทุกคน อย่าเหมารวมฉันเข้าไปทีเดียว.. ชิชะ