ผมเป็นช่างซ่อมหนังสือ (2)

เมื่อผมตั้งใจว่าจะทำงานนี้แหละ “งานซ่อมหนังสือ” ก่อนจะมีลูกค้านำเล่มจริงมาให้ซ่อม ผมทดลองเอานามบัตรไปวางไว้ตามร้านหนังสือเก่า ตอนนั้นที่ชั้นใต้ดินของห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ยังมีร้านหนังสือเก่าอยู่ ท่านที่นิยมหนังสือเก่าคงจำได้ ตลอดสองฝั่งตรงทางเดินเข้า มีร้านหนังสือการ์ตูนใหม่ที่ลดราคาจากปก เมื่อเดินไปถึงด้านในเป็นทางแยกซ้ายขวา มีร้านแบ่งเป็นช่องๆ อยู่สิบกว่าร้าน ร้านใหญ่ทางขวามือสุด (ปัจจุบันน่าจะเป็นร้านหนังสือเก่าแสงเจริญ) ตอนนั้นยังไม่มีป้ายร้าน ผมนำนามบัตรไปฝากไว้กับลุงสูงวัยร่างผอมๆเล็กๆ ลุงรับนามบัตรประมาณสิบใบไว้อย่างดี พูดคุยลูบหัวลูบหลังว่าเดี๋ยวลูกค้าถามถึงจะบอกให้นะ ดูเหมือนผมจะฝากไว้อีกร้านที่อยู่อีกฝั่งด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มีความทรงจำอะไรที่พอจะเล่าได้

ความยากของธุรกิจใหม่คงเหมือนๆกันคือนึกภาพไม่ออก เคาน์เตอร์ลักษณะเป็นอย่างไร, โทนสี, ลักษณะงานที่จะบริการ ฯลฯ ผ่านไประยะหนึ่ง ระหว่างรอผลตอบรับจากนามบัตรเหล่านั้น ผมนำไอเดียพร้อมแบบร่างเคาน์เตอร์ไปคุยกับห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าวนั่นแหละ แล้วก็ได้รู้ว่ามันยากมากๆที่จะเริ่มต้นงานที่คนเขาไม่รู้จักในสถานที่ที่เป็นที่นิยม ห้างเซ็นทรัลปฏิเสธอย่างงุนงงว่าจะทำอะไรเหรอครับงานที่ว่านี้ ผมเริ่มคิดว่าเราคงต้องไปเริ่มที่ไหนไกลๆตามาก่อน ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง มีภาพที่เขาจะเข้าใจได้ง่ายมาให้เห็น

ต่อมาในปี 2002 ผมกลับไปเสนอเคาน์เตอร์ร้าน Book Clinic ที่เดิมนี่อีกครั้งหลังจากได้เปิดที่ซีคอนสแควร์มาสองปีเศษ คราวนี้ง่ายมาก เพราะเรื่องของร้านซ่อมหนังสือในหนังสือหลายเล่มที่มาสัมภาษณ์ กลายเป็นใบผ่านอย่างดี เจ้าหน้าที่ของห้างแทบจะอุ้มร้านนี้ทันทีที่คุยกันวันแรก

แต่แล้วผมก็ทำร้านที่เซ็นทรัลไปได้แค่หกเดือนเท่านั้น งานซ่อมหนังสือมันไม่คุ้มค่าเช่า, ค่าพนักงาน แต่ก็ได้คิดว่า ถ้าไอเดียคุณใหม่สำหรับที่นั่นและทุนน้อยแบบผม มันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องสร้างโอกาสจากทำเลที่พอไปได้ แม้จะไกลจากกลุ่มเป้าหมายที่เราคิดไปบ้าง จากนั้นค่อยหาโอกาสถัดไป แม้โอกาสถัดไปจะไม่ได้ผล ก็จะมีโอกาสถัดไปเข้ามาอีก

ในที่สุด ลูกค้าสองคนจากนามบัตรที่ฝากไว้ในร้านหนังสือเก่าก็โทรมา คนหนึ่งหลังจากถามไปถามมาก็บอกว่า คุณจะเอาหนังสือผมไปซ่อมที่ไหน ร้านคุณอยู่ที่ไหน หนังสือผมแพงนะ ไม่เอาดีกว่า เหตุผลนี้ทำให้ผมคิดว่าเราต้องมีร้านแน่ๆ แล้ว

อีกคนเป็นผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับสถานทูตฝรั่งเศส เอาหนังสือสองเล่มมาให้ บอกว่ายังไงก็จำเป็นต้องซ่อมกับผมแล้วละ เพราะต้องเอาไปให้สถานทูต ตอนนั้นผมยังหาทำเลร้านไม่ได้ การนัดกับลูกค้ารายแรกคนนี้ที่ร้านหนังสือดวงกมล ซีคอนสแควร์ ในปี 1999 ทำให้ผมได้ตั้งร้านที่นั่น แต่เนื่องจากห้างนั้นอยู่ไกลในความรู้สึกของผม ผมจึงไปเร็วกว่าเวลานัดเกือบชั่วโมง ระหว่างรอก็เดินสำรวจทำเลในห้าง พอใกล้เวลานัดซักครึ่งชั่วโมงจึงได้เดินดูหนังสือในร้านหนังสือดวงกมล และได้พบกับพี่เปี๊ยก – คุณมัลลิกา คีรี ผู้จัดการในเวลานั้น คุยกันสองสามคำ ผมเล่าว่าผมกำลังจะทำงานอย่างนี้ๆครับ พี่เปี๊ยกก็ว่าคุณมาทำกับที่นี่เลยใช้พื้นที่เท่าไหร่ละ ตรงนี้ละ ตรงนี้ ได้มั้ย การคุยไอเดียกับคนที่มีความใกล้ชิดกันทางความชอบ มันกลับเป็นเรื่องง่ายมาก แล้ววันนั้นก็ได้งานซ่อมสองเล่มแรก และผมก็ได้สถานที่ตั้งร้านแล้วล่ะ

[อ่านฉบับเต็มได้ใน อ่าน-อาลัย]