แด่ภรรยาของล็อท : สตรีผู้เลือนหายไปในโลกของบุรุษ

บทนำ
ตามทัศนะของมิเชล ฟูโกต์ (Michel Foucault) “วาทกรรม” (Discourse) เป็นเครื่องมือสำคัญประการหนึ่งที่กลุ่มคนที่มีอำนาจในสังคมหนึ่งๆ ใช้ควบคุมหรือกดทับกลุ่มคนที่มีอำนาจน้อยกว่าวาทกรรมที่กลุ่มผู้มีอำนาจสร้างขึ้นมา ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “วาทกรรมกระแสหลัก” นั้น จะทำลายหรือเข้าไปแทนที่ “วาทกรรมกระแสรอง” ของกลุ่มคนที่มีอำนาจน้อยกว่า ทำให้อัตลักษณ์และความหมายของกลุ่มผู้ที่ถูกกดทับ (subaltern group) เหล่านั้นถูกปิดกั้นหรือเลือนหายไปจากสังคม ในขณะเดียวกัน แนวคิดเรื่อง “การครอบงำ” (Hegemony) ของอันโทนิโอ กรัมชี่ (Antonio Gramsci) ก็ขยายความว่า วาทกรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้มีอำนาจซึ่งเป็นผู้สร้างวาทกรรมนั้น ทำให้ผู้ที่ถูกกดทับไม่รู้สึกว่าพวกตนกำลังถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ ทั้งยังอาจทำให้คนเหล่านั้นมีความเชื่อกันว่าการถูกกดทับหรือควบคุมนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมมาโดยตลอด และไม่คิดตั้งคำถามหรือแสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด ส่วนวาทกรรมกระแสหลักนั้น ก็จะกลายเป็นมาตรฐานสากลที่คนทุกกลุ่มในสังคมนั้นยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ทำให้ผู้ที่มีอำนาจสามารถครอบงำทุกคนในสังคมได้โดยสมบูรณ์ วาทกรรมกระแสหลักดังกล่าว ได้แก่ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ กฎหมาย จารีตประเพณี และศาสนา
*
พระคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์เป็นตัวอย่างของวาทกรรมทางศาสนาอย่างหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการครอบงำผู้คนในสังคมมาจนถึงปัจจุบัน ดังเห็นได้จากหลักธรรมคำสอนประการต่างๆ ที่มีที่มาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งคนในสังคมที่นับถือศาสนาคริสต์มักถือเป็นหลักศีลธรรมประจำใจ อาทิเช่น ข้อพระธรรมต่างๆ ในพระธรรมสุภาษิต (Proverbs) และบัญญัติสิบประการจากพระธรรมปฐมกาล (Genesis) ซึ่งโมเสสขึ้นเขาคานาอันไปรับจากพระเจ้า และนำมาเผยแพร่ต่อชาวยิว กำเนิดของพระธรรมทุกบทของพระคัมภีร์ไบเบิล ทั้งภาคพันธสัญญาเก่าและ
พันธสัญญาใหม่ยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ความเชื่อที่บอกเล่าสืบทอดต่อกันมากล่าวว่าเป็น
“พระวจนะของพระเจ้า” ที่มีประกาศกและนักบุญผู้เป็นตัวแทนของพระองค์เป็นผู้บันทึกเป็นพระธรรมแต่ละบท และนำมารวมกันจนเป็นพระคัมภีร์ดังที่เห็นกันทุกวันนี้ การที่กล่าวว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นการยกระดับให้เหนือกว่าวรรณกรรมทางศาสนาทั่วไป ทำให้ประชาชนที่เป็นคริสตศาสนิกชนพร้อมยอมรับและเชื่อฟังโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ และมองข้ามความจริงที่ว่า เนื้อความบางส่วนในพระคัมภีร์ไบเบิลแสดงการกดทับสิทธิของคนบางกลุ่มและอคติต่อคนเหล่านั้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการกดทับทางด้านชาติพันธุ์และเพศสถานะ
****