ความจำเป็นของการเขียนมีที่มาที่ไปโดยหาจุดยุติไม่เจอ สองปัจจัยหนุนเน้นให้ต้องเขียนเพื่อ invent อารยา หรืออาจรวมเป็นสามหากนับถึงความไม่ชอบธรรมของระบบประเมินค่าดีกรีวุฒิภาวะทางวิชาการที่ศิลปินประสบ เริ่มนับจากหนึ่งเมื่อการเขียนเป็นผลมาจากแรงกระตุ้นให้ต้องเขียนตัวเองออกมา งานอารยานำสู่ลายลักษณ์ เรียกร้องการลงมือ คือแรงขับที่ไม่อาจรั้ง เขียนในช่วงขณะจำกัด เขียนจากปัจจัยของปัจจุบันขณะด้วยการควานหากระแสจากความคิดและคลื่นจากผลงาน ไม่มีวันต่อติดเพราะคำพาผลงานออกนอกเส้นทางเคยคุ้นจนไม่อาจประจบเจอ ผลงานจูงคำพาไปเลยขอบเขตของคำและของผลงาน เขียนเหมือน “หญิงวิปลาส” ที่พรั่งพรูออกไปในสารทิศแตกต่าง เขียนเหมือนชาวบ้านต่อหน้าผลงานอิมเพรสชั่นนิสม์ที่หลุดกรอบขอบเขตความถูกไม่ถูก เขียนเหมือนร่างแนนิ่งที่เงียบแบบเสียงดัง ความท้าทายที่แท้กลับอยู่ตรงที่เขียนแล้วกลับไม่เหมือนสิ่งที่กระตุ้นให้ลงมือ การประดิษฐ์สร้างอารยาเปลี่ยนผู้เขียนเป็นผู้อื่น หาอื่นๆ ที่ผลงานไม่ได้กำหนด กฎของการเขียนคือเขียนให้เพี้ยนไปจากกฎ invention เป็นการสร้างข้อกำหนดหรือกฎที่ไม่ผูกติดกับอะไรหรือใคร กระทั่งกับศิลปิน
สร้างเบื้องต้นเป็นกิจของการประดิษฐ์ภาษา น้อมหาโครงสร้างทางสัญลักษณ์ที่จะคลอไปกับผลงานโดยต้องไม่เหมือน หาไม่แล้วข้อเขียนจะคืนสู่การผลิตซ้ำหรือเพียงแค่เทถ่ายชุดสัญญะแตกต่างให้กลืนต่อกัน ประดิษฐกรรมไม่ควรเป็นไปอย่างอัตโนมัติ อีกยังหาใช่เสาะแสวงความพิถีพิถันลงตัว สร้างในระบบภาษาที่มีผลงานอารยากำกับเป็นการสร้างใหม่แบบไม่ เป็นการสร้างแบบไม่ใหม่ไม่เป็นการสร้างแบบใหม่ แบบไม่ใหม่เป็นการสร้าง และการเรียงสลับคำไปมาก็หาได้เป็นเรื่องใหม่ แต่อยู่ที่แบบ ที่แม่แบบของคำ ต้องคิดค้นสร้างคำผ่านแม่แบบดั้งเดิมที่ให้ผ่านพ้น เรียนรู้ที่จะเล่นกับคำหรือเล่นคำ ด้วยว่าเมื่อเล่น ภาษาจะพาพลิกความคิดและความหมาย เขียนอารยาเป็นเขียนอารยธรรมที่ปลีกตัวจากความเคยชิน การจะสร้างอารยาจำต้องทบทวนระบบภาษาตลอดจนกลไกจากขนบ ตรวจตราความเป็นไปได้ของคำเช่นเดียวกับสำรวจความน่าจะเป็นของศิลปะและศิลปิน เป็นความน่าจะเป็นและน่าจะตายที่ปะโปะเปิดหัวปิดท้ายการสร้างของศิลปิน the invention of Araya ผนวกการค้นหาความเป็นอื่นของผลงานที่จะย้อนมาสะท้อนอารยาศิลปิน เพียงเพื่อจะเห็นเพียงเงา เพียงเงา