เรื่องของพลอย ตอนที่ 1

เผยแพร่ครั้งแรกทางหน้า แฟร์ลี่เทล FairlyTell
วันที่ 25 มิถุนายน 2562 – Facebook

ความไว้ใจ เชื่อใจนำพาฉันไปติดคุก แต่การติดคุกรอบนี้ฉันไม่ได้ไป…คนเดียว ฉันพาลูกที่อยู่ในท้องเข้าไปเผชิญชะตากรรมนี้ด้วย มันเป็นเหตุการณ์ที่ฉันเสียใจที่สุด และทำให้ฉันเคียดแค้นทุกคนที่ทำให้ฉันต้องเข้าไป

ในเมื่อมันเป็นการติดคุกรอบที่สองของชีวิต ฉันรู้ได้ว่าฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้างในโลกสี่เหลี่ยมหลังกำแพงนั้น เอาเข้าจริงจะเจอกับอะไรฉันก็ไม่หวั่นถ้าเจ้าตัวเล็กไม่ติดท้องเข้าไปด้วย ความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสับสนวุ่นวายใจที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในนั้นมันเข้าขั้นวิกฤต เพราะนอกจากลูกที่ติดท้องเข้ามา ฉันไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน และไม่มีญาติพี่น้องที่จะมาเยี่ยม

วันแรกของฉันที่ก้าวเข้ามาในคุก ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็น ผู้ต้องขังทุกคนขึ้นเรือนนอนและทำกิจกรรมกันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงผู้ช่วยงาน ทุกคนที่มาพร้อมกับฉันถูกต้อนให้เข้าแถว คนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรกก็จะไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติ บางคนถูกตวาดจนร้องไห้ แต่ฉันเข้าใจมันดี

หลังจากผู้ช่วยงานจัดแถวเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ตรวจตัวและสอบประวัติแยกห้อง ฉันถูกจัดเข้าห้อง 1/2  เป็นห้องรับผู้ต้องขังเข้าใหม่คดียา มื้อแรกของฉันคือแกงกะทิใส่มันเทศ ที่มีแต่น้ำและเศษมันเหลือติดก้นหม้อนิดหน่อย ไม่มีใครมีอารมณ์กินข้าว เพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายเร่งให้พวกเรารีบทำภารกิจ บวกกับความเครียดที่ทุกคนแบกเข้ามา ตอนนี้คำนำหน้าของทุกคนได้เปลี่ยนเป็น ผู้ต้องขังหญิง (ขญ.) แล้ว

หลังจากนั้นผู้ช่วยงานก็พาไปอาบน้ำ ฉันได้รับชุดหลวงเหม็นๆ สองชุด ชุดชั้นในอย่างละหนึ่งชุด แปลงสีฟันหนึ่งอัน ยาสีฟันที่แบ่งใส่ถุงน้ำจิ้ม และตะกร้าสบู่รวม ที่ใครใช้อาบมาแล้วบ้างไม่รู้ ทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผ้าที่ใส่แล้วต้องเอาไว้ไหน ของใช้ที่แจกมาให้อย่างน้อยนิดต้องเก็บยังไง ทุกอย่างรีบเร่งไปหมด ฉันรู้สึกวุ่นวายอยากจะขึ้นไปพักที่ห้องเสียที

แล้วก็ได้เวลาที่ต้อง “ขึ้นขัง” ทุกคนใส่ชุดหลวงนั่งรอเป็นแถวเพื่อจะเข้าห้องที่เจ้าหน้าที่จัดให้ ฉันเดินตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปที่ห้อง 1/2  เรือนนอนเพชร บรรยากาศในห้องแออัดมากถึงขนาดนอนตัวเกยกันอยู่แล้วในขณะที่ฉันและอีกหกคนที่มาใหม่ยังไม่ได้ลงที่นอน กลิ่นเหงื่อที่เกิดจากความร้อน และที่นอนที่แคบยิ่งกว่าแคบทำเอาฉันไม่อยากล้มตัวลงนอนเลย เพื่อนบางคนถึงกับนั่งร้องไห้ไม่หยุด ส่วนตัวฉันนอนคิดถึงคนข้างนอกและชีวิตที่จะเดินต่อไปในนี้ ความเครียดถาโถมจนจะรับไม่ไหว กว่าจะผ่านคืนนั้นไปได้มันไม่ง่ายเลย

เช้าวันใหม่มาถึง เป็นวันหยุด ไม่มีการเยี่ยมญาติ ทำให้บรรยากาศภายในแดนแรกรับดูแออัด ทุกคนต้องนั่งอยู่กับที่ ฉันนั่งที่ใต้ถุนเรือนนอนเพชร ฉันต้องทนกับความแออัดทั้งในห้องนอนและที่นั่งตอนเช้าจนกว่าผลตรวจเลือดยืนยันการตั้งท้องจะส่งมา และนอกจากข้าวสามมื้อที่คุกจัดให้ ฉันก็ไม่ได้กินอะไรนอกเหนือจากนั้นเลย แต่คนท้องอ่ะนะ เดี๋ยวอยากนั่นเดี๋ยวอยากนี่ บวกกับต้องเข้าห้องขังตอนสี่โมงเย็น ขึ้นไปเเล้วนอกจากน้ำเปล่าก็ไม่มีอะไรให้กินยันหกโมงเช้าของอีกวัน มันเป็นการอดที่ซับซ้อนมาก

การใช้ชีวิตข้างในลำพังตัวเดียวก็ลำบากได้ใจอยู่แล้ว แต่การมีลูกติดเข้าไปมันเลยเป็นการลำบากคูณสอง ไม่ใช่แค่เราที่ต้องทนกับสภาวะที่เจอ  “ลูก” ที่อยู่ในท้องก็ต้องทนเหมือนกัน ฉันกลายเป็นคนไม่มีอัธยาศัย ไม่พูดไม่จา จนคนรอบข้างมองว่าฉันเป็นต่างด้าว เวลาใครถามก็จะไม่ค่อยตอบ ใช้การมองหน้าและหลบตาเป็นการสื่อสาร บวกด้วยผมที่ยาวมากคล้ายกับแรงงานพม่าที่ถูกกวาดต้อนมาจากศาลนนทบุรี

ฉันยอมที่จะอดมากกว่าจะต้องไปอ้าปากขอใคร สิ่งหนึ่งที่ฉันคิด ฉันจะไม่ทิ้งศักดิ์ศรีและความเป็นฉันเด็ดขาด ฉันจะไม่ยอมให้คุกมาเปลี่ยนความเป็นฉันแน่นอน ลูกน้อยของฉันก็ต้องอดไปกับฉัน กินเท่าที่มี ใช้เท่าที่มี ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำงานอะไรให้มีกินมีใช้เพราะฉันกลัวว่าลูกในท้องจะเป็นอันตราย

ฉันอยู่ที่ห้อง 1/2 ได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผลเลือดยืนยันว่าฉันท้องก็ส่งมา ฉันถูกย้ายมานอนห้อง 7  เรือนนอนทับทิม ที่ พอมีพื้นที่ให้ขยับหายใจได้บ้าง อยู่ที่ห้องนี้ได้ประมาณหนึ่งเดือนก็ต้องย้ายมาอยู่แดนส่วนปกครอง เรือนนอนเพทาย ห้อง 8 ที่เป็นห้องสำหรับคนท้อง-แม่ลูกอ่อน และคนแก่ ห้องนี้กว้างขวางสบายไม่แออัดเหมือนในแดนแรกรับ เนื่องจากท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้น ฉันคิดถึงแต่คนข้างนอก จมอยู่กับอดีตที่โดนทำร้ายโดยคนที่ฉันไว้ใจ ใช้ชีวิตอยู่ข้างในแบบเบลอๆ อย่างนี้ประมาณสองเดือน

จนวันหนึ่งท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นก็บีบให้ฉันคิดที่จะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่ออีกคนที่จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ฉันเริ่มมองหาสิ่งที่ตัวเองทำได้และลองทำทีละอย่าง อย่างแรกรับจ้างซักผ้า ฉันเริ่มรับจ้างซักผ้าของเพื่อนที่เป็นคนท้องเหมือนกันโดยได้ค่าจ้างอาทิตย์ละ 150 บาท ฉันซักผ้าให้เขาได้เพราะเราอาบน้ำรอบเดียวกัน ฉันหาถุงที่ใส่ของเยี่ยมญาติมาซ้อนกันหลายใบเพื่อใส่น้ำแทนกะละมัง ท้องที่ยื่นใหญ่ของฉันทำให้การตักน้ำทำได้ลำบาก ความรีบเร่งทำให้ท้องกระแทกกับขอบแท็งก์อยู่บ่อยๆ บางครั้งฉันซักผ้าเสร็จช้า ก็จะถูกผู้ต้องขังทั่วไปที่ปล่อยออกมาอาบน้ำต่อจากคนท้องวิ่งชน ฉันทำอยู่พักหนึ่งแล้วก็คิดว่ามันไม่เข้าท่า เพราะคนที แย่งกันอาบน้ำกับคนที่มีวิถีรับจ้างเหมือนฉันอาจวิ่งชนกันจนฉันล้มเข้าซักวัน ในช่วงเวลาชุลมุนไม่มีใครมองใครหรอก ทุกคนในคุกต่างรีบเร่งทำภารกิจส่วนของตัวเองเพื่อให้ทันกับเวลาที่คุกกำหนด

ฉันหันมามองหางานใหม่ คราวนี้กลับมามองสิ่งที่เป็นความสามารถของฉัน แล้วอาชีพรับจ้างนวดก็เกิดขึ้นในใจ แต่ก็ยังมีอุปสรรค เพราะไม่มีใครกล้าจ้างฉันนวด เนื่องจากท้องที่ใหญ่ขึ้นและไม่มีใครมั่นใจฝีมือการนวดของฉัน แต่ฉันไม่ท้อ ลูกในท้องทำให้ฉันกล้ามากขึ้น ฉันเริ่มจากเดินบอกคนท้องทุกคนว่าฉันรับจ้างนวด ใครอยากนวดเรียกฉันได้ แล้ววันที่ฉันจะได้แสดงฝีมือก็มาถึง คนแรกที่ให้ฉันนวดคือพี่คนท้องที่นอนข้างๆ ฉันเอง มันราวกับว่าทุกอย่างที่กดทับฉันอยู่เริ่มมีทางออก เงินสามสิบบาทจากการนวดครั้งนั้นมันเป็นแรงผลักดันมหาศาล และหลังจากวันนั้นฉันได้นวดพี่คนนี้ทุกวันจนเป็นการจ้างแบบเงินก้อน นวดสามสิบวันวัน 1,000 บาท ฉันจึงขอให้พี่คนนี้เอาเงิน “เข้าบุ้ค” ให้ฉัน เพื่อจะเก็บเงินไว้สำหรับคลอดลูก ถึงจะอยู่ในคุกแต่ทุกอย่างหลวงก็ไม่ได้ออกให้ ฉันยังต้องจ่ายค่าคลอดเอง

ฉันนวดให้เขาจนครบกำหนดอายุครรภ์ที่ต้อง “ขึ้นแอดมิต” พอดี ฉันต้องย้ายมาแอดมิดที่สถานพยาบาล (พ.บ.) เพราะตอนนี้ฉันท้องเข้าเดือนที่แปด แม้ใกล้คลอดแล้วแต่ฉันยังคงรับจ้างและรับนวดทุกครั้งที่มีลูกค้ามาให้นวด วันหนึ่งๆ ฉันจะได้ลูกค้านวดประมาณสามถึงสี่คน นวดติดๆ กันคนละหนึ่งชั่วโมง ใครจองก่อนก็นวดให้ก่อน ฉันจึงมีรายได้ตกวันละ 90-120 บาท ฉันเก็บเงินทุกบาทมาเปลี่ยนเป็นนมผงและแพมเพิสไว้ให้ลูก ฉันกลัวว่าของเหล่านี้จะมีไม่พอให้ลูกใช้ ฉันจึงต้องหาเงินจากการนวดให้ได้เยอะๆ ฉันรับจ้างนวดจนถึงวันที่ฉันเจ็บท้อง การนวดของฉันถึงได้เวลาหยุดพักเสียที

ฉันจำวันนั้นได้ดี บนเรือนนอนของสถานพยาบาล หลังจากที่ฉันนวดให้คุณยายคนหนึ่งเสร็จ เวลาน่าจะประมาณสามทุ่ม  ทีวีกำลังจะปิดและถึงเวลาที่ทุกคนต้องนอน แต่ฉันกลับนอนไม่หลับทั้งที่ฉันน่าจะหลับเป็นตายจากการใช้พลังนวดมาทั้งวัน ฉันกลับนอนเอามือเล่นกับลูกที่อยู่ในท้องจนสี่ทุ่มถึงได้หลับ แล้วก็สะดุ้งตื่นตอนเที่ยงคืนกว่า เพราะฉันรู้สึกเจ็บท้องจี๊ดๆ ขึ้นมา

แต่!! ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าการจะคลอดลูกในคุก คุณต้องนับเวลาเจ็บคลอดให้ถูก ถ้าคุณนับไม่ถูกหรือไม่รู้เรื่อง คุณต้องทนนอนเจ็บอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งไปก่อน เพราะคุณจะออกไปคลอดที่โรงพยาบาลได้ก็ต่อเมื่อเจ็บท้องจริงเท่านั้น ไม่อนุญาตให้มีการเจ็บหลอก เราต้องหัดนับระยะเวลาการเจ็บท้องให้ถูก เช่น เจ็บทุกๆ ห้านาที เจ็บครั้งละสี่สิบห้าวินาที เราต้องบอกระยะเจ็บท้องกับคนดูแลก่อนเป็นด่านแรก คนดูแลจะจับเวลาและถามเราอีกครั้ง ถ้าเราตอบถูก เขาก็จะส่งนาฬิกาให้เราจับเวลาว่าเราเจ็บท้องถี่ขึ้นไหม จากนั้นก็สวนวัดช่องคลอดว่าเปิดกี่เซนติเมตร ถ้าเปิดถึงสี่ซม.แล้วจึงจะกดกริ่งเรียกพยาบาล พาเราออกจากห้อง เตรียมชุดคลอดและกรอกประวัติอีกครั้ง จากนั้นก็ทำความสะอาดช่องคลอด โกนขนวัดหาคลื่นหัวใจเด็ก ตรวจภายในอีกครั้งจากพยาบาล ถ้าเกินกว่าห้าซม.ก็เอาออกทันที แต่ถ้ายังไม่ถึง เราก็ต้องนอนรอยูในเรือนจำก่อน

ฉันตื่นมานั่งนับเวลาเจ็บ แต่นับยังไม่ทันรู้เรื่องฉันก็หลับซะก่อน จนเวลาประมาณตีหนึ่งฉันเริ่มไม่ไหว จึงเดินหอบท้องไปบอกคนดูแล กว่าจะได้ออกไปคลอดที่โรงพยาบาลก็ประมาณตีสาม ลูกของฉันกำลังจะออกมาดูโลก แต่มันดันเป็นโลกหลังกำแพงนี่สิ

พลอยเดช