จดหมายจากมิวนิค

ผลงานผ่านการคัดเลือก โครงการ “เขียนใหม่นายผี” รายการที่ 6

ประเภทผู้อาศัยอยู่นอกราชอาณาจักรไทย

โดย พฤศจิกัญ

….Alle Erwachsenen waren mal Kinder,aber nur wenige erinnern sich daran…..

8 ปีผ่านมาแล้วนะ ความรู้สึกของวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปมากกว่า 8 ปีที่แล้วมาสักเท่าไหร่ รอคอยอยู่นะ จ้องไปที่หน้าจอมือถือ รอการติดต่อกลับจากต่างแดนไทย……

ปีกสยายภายใต้ดินแดนอินทรีเหล็ก การปรับตัวเริ่มต้นขึ้นหลังจากถูกมัดจำทำสัญญาก่อนแต่งงานเริ่มต้นขึ้น ดินแดนที่หญิงไทยหมายปองต้องการมีโอกาสมาเดินเชิดฉายดั่งดาราไทย อวดความยิ่งใหญ่ในพรมแดงมิปาน ภายใต้ความสุขที่เจือจางและบางครั้งเจือปนด้วยอารมณ์หม่นเทา ของความเงียบเหงาในการย้ายดินแดนด้วยอัตคัดขาดแคลนวาจาศัพท์ วัจนภาษาเพื่อการดำเนินชีวิตของตนในแต่ละวัน จากความอ่อนด้อยทั้งภาษาดั้งเดิมเมืองเกิดเมืองนอน หล่อรวมไปถึงภาษาใจก็มิสามารถถ่ายทอดให้เป็นผู้เป็นคนได้ดีอีกด้วย นับประสาอะไรกับภาษาที่ 3 อย่างภาษาด๊อยซ์ กับคนอ่อนด้อยอย่างฉัน

คนด๊อยซ์เซอร์ (Deutsche) อย่างคุณจะเข้าใจคนไกลบ้านภาษาทรงคุณค่าหลักศิลาจารึกของฉันได้อย่างไร เพราะถึงอย่างไรฉันก็เดินทางมาไกลและยอมจำใจจดสัญญาก่อนแต่งงาน Nortar ของคุณอย่างไม่มีทางบิดพลิ้วอยู่แล้ว คุณมีภาษีสังคม มีรายได้ มีเพื่อนมีญาติพี่น้อง ต่างจากฉัน ถ้าหากต้องการจะมีงานการทำ มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ฉันตัองดิ้นรนเรียนภาษาเยอรมัน ที่นับวันไวยากรณ์และแกรมม่าที่หนักข้อขึ้นทุกวัน ท่องผันจำแวบ (Veben) บรรพบุรุษ Der, die, das แยกเพศ แยกนามของพวกคุณอีรุงตุงนังไปหมด

ก่อนฉันจากบ้านจากถิ่นฐานบ้านเกิดมาก็หวังว่าชีวิตจะง่ายดายขึ้น แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับความจริงอันแสนเจ็บปวดว่าภาษาบ้านเธอนั้นหนักหน่วงสาหัสสากรรจ์พอดู แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ก็เมื่อเลือกจะมามีชีวิตใหม่ที่เมืองเบียร์แล้วจำตัองยอมอดทน

หลังจากเรียนรู้ชีวิตจริงในเมืองบาวาเรีย ดินแดนเมืองเบียร์ที่กินกันแทนน้ำที่ราคาแสนโหดร้ายมาได้ 3 เดือน ฉันได้เรียนรู้กับเพื่อนต่างชาติไนจีเรีย นามว่า Precious ชื่อสวยแต่เรียกยากมาก เธอบอกว่าฉันเธออาจจะเรียกยากไปสักหน่อย แต่ยังไงก็พยายามดูนะ ฉันใช้เวลากับชื่อเธออยู่หลายวันเนื่องจากคุ้นชินกับภาษาไทยบ้านเรา หลังจากพบปะกันทำการบ้านด้วยกัน เรียนด้วยกันทุกวัน เป็นเวลา 4 ชม. ต่างคนต่างเอื้ออาทรกัน เนื่องจากเข้าใจเรื่องของความแตกต่างด้านภาษา หัวสมองมิสู้แข่งขันทัดเทียมกับเพื่อนชาวโรมาเนียมากนัก ชาวโรมาเนียเป็นอีกชาติที่หลั่งไหลมาหางานทำที่เยอรมันกันเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญภาษาอังกฤษดีมากๆด้วย เราคนไทยที่ไม่มีพื้นฐานที่ดีด้านการศึกษาไทยที่หลักสูตรล้าหลังหลายปีแสงกันเลยทีเดียว มาเริ่มต้นเรียนระดับ A1 คือระดับความรู้ขั้นอนุบาลของประเทศเยอรมัน แทบกระอักเลือดสมองตีบตันไหลเวียนไม่คล่องตัวกันเลยทีเดียว หลังจากเริ่มเรียนไวยากรณ์และแกรมม่าภาษาเยอรมันไปได้สักพัก จึงเริ่มเข้าใจในวัฒนธรรมและนิสัยของคนเยอรมันมากยิ่งขึ้น ที่เป็นหัวใจหลักของพลเมืองเยอรมันคือทื่อ ตรง รับผิดชอบ ระบบระเบียบคำสั่ง ห้ามบิดเบือนความจริงนอกเหนือคำสั่ง นอกเหนือจากการควบคุมดูแลของทีมไม่ได้ แม้แต่ขณะปอกเปลือกมันฝรั่งยังปอกเข้าหาตัว รับผิดชอบแม้กระทั่งยอมให้มีดบาดตัวก็ยอม แม้ถ้าพี่ไทยเรานำแบบอย่างความรับผิดชอบของพลเมืองเยอรมันบ้างก็คงจะดีไม่น้อย

…..เดินทางมาถึงกระดาษสื่อสารจากเมืองเบียร์ที่พรั่งพรูน้ำลายแตกฟอง ก็ยังมิอาจพรรณนาประสบการณ์ตรงที่ประสพพบมาได้ในทุกๆวัน ขณะที่เขียนอยู่นี้เป็นเวลาพักก่อนเริ่มต้นเนื้อหาบทเรียนภาษาเยอรมันบทที่ 2 ของสัปดาห์แรกของการเรียน เพื่อนชาวไนจีเรียส่งยิ้มฟันออร่า พร้อมส่งลูกอมห่อสีเขียวเพื่อเป็นการผ่อนคลายหลังจากเมื่อยล้าจากการเรียนภาษาเยอรมันอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แม้แต่ครูเจ้าของภาษาเองยังทำงานอย่างหนัก เพราะเรื่องด้วยจำนวนผู้อพยพที่ทางรัฐบาลเยอรมันรับไว้มากล้นหลาม จึงต้องจัดการหาที่เรียนหาที่อยู่ที่พักไว้ให้เป็นหลักแหล่ง

…….วันนี้มีโอกาสได้เข้าไปในถิ่นฐานของผู้อพยพชาวไนจีเรียที่พำนักอยู่ในเมือง Geretsried ห่างจากตัวเมืองหลวงมิวนิค (München) 35 กิโลเมตร ภายในตึกไม้ 4 ชั้น มีโอกาสได้เดินเข้าไป บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในแฟลตข้าราชการเมืองไทยบ้านเรา ฉันเดินตามเพื่อนไนจีเรียขึ้นไปที่ชั้น 3 ของตัวอาคารตึก ห้องหมายเลข 98 วินาทีแรกที่เห็นคือ ห้องกล่องสีเหลี่ยมขนาดเท่ากับบ้านเอื้ออาทรเมืองไทย ภายในมุมขวาของห้องมีเตียง 2 ชั้นของลูกชายและลูกสาวติดกับด้านกำแพงห้องประตูทางเข้าออกบ้าน ส่วนเตียงนอนของผู้เป็นแม่ อยู่ทางมุมซ้ายของห้อง ภายในห้องมีตู้เย็น 2 ประตูไว้ใส่ของกินที่ทางรัฐบาลเยอรมันได้จัดไว้ให้ภายในห้องนอน พร้อมทั้งโต๊ะอาหารพร้อมเสร็จสรรพ เพื่อนชาวไนจีเรียเล่าให้ฉันฟังว่า เธอได้รับการดูแลจากรัฐบาลเยอรมันเป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่ค่อยสะดวกตรงที่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวไว้อำนวยความสะดวกภายในห้องพักเท่านั้นเอง เธอเล่าเสริมเพิ่มเติมว่าเธอได้รับเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายเลี้ยงลูกทั้ง 2 คน ต่อคนได้คนละ 200 ยูโร ทุกเดือน ทุกเดือนเธอได้รับเงิน 400€ และไม่ต้องเสียค่าเช่าห้องพักรายเดือน  ซึ่งรัฐบาลของยุโรปจะดูแลผู้หญิงและเด็กได้ดีทีเดียว และรวมไปถึงครอบคลุมทุกเชื้อชาติที่มีบุตรหลาน จะได้รับการดูแลจากรัฐบาลทุกเดือนเฉกเช่นกัน และมีการศึกษาให้ครอบคลุมจนกว่าเด็กจะอ่านออกเขียนได้ นี่คือเหตุผลหลักที่ทุกเชื้อชาติที่ขาดแคลนเรื่องการศึกษาถึงมุ่งหมายมาพำนักอาศัยอยู่ที่เยอรมันกันเป็นจำนวนมาก

…สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นมาสัมผัสก็ได้มีโอกาสมายืนตรงนี้ การใช้ชีวิตที่มิวนิคนั้นไม่ง่ายเลย การเป็นมาดามที่นี่ก็ไม่ใช่สวรรค์เช่นกัน ค่าครองชีพภาษีสังคมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว มิหนำซ้ำยังถูกชาวเพื่อนบ้านเวียดนามแย่งอาชีพปลูกผักไทยทำมาหากินที่เมืองเบียร์ เนื่องจากทุกหัวมุมถนน ทุกมุมตึกล้วนถูกครอบครองไปด้วยธุรกิจครอบครัวของชาวเวียดนามไปเสียแล้ว ร้านขายอาหารไทย ร้านขายอุปกรณ์ประกอบอาหารไทย พืชผักสวนครัวของไทย ถูกชาวเวียดนามแย่งชิงพื้นที่เพาะปลูกเหตุผลเพราะเมืองไทยนิยมใช้สารเคมีในพืชผลทางการเกษตรในขณะที่ชาวเวียดนามฉลาดกว่าเรา ใช้ปุ๋ยอินทรีย์<ขี้> ใบกระเพราเติบโตดีใบใหญ่ยักษ์แต่มิหอมหวลเหมือนกระเพราแดงข้างรั้วบ้านเรา ตอนนี้เลยหันมาอุดหนุนคนไทยที่รู้จักกันเค้ามีพื้นที่ปลูกผักไทยที่เยอรมันเอง จึงได้กินกระเพราแดงที่คนไทยปลูกเอง แต่กว่าจะค้นหาเจ้าคนไทยได้ก็เสียเงินอุดหนุนคนเวียดนามไปเกือบปี

พี่ไทยคะหยุดทะเลาะกันได้แล้วค่ะ ลืมตาดูโลกเพื่อนบ้านคุณบ้าง
สนับสนุนการเกษตรบ้านเราหน่อยเถอะ สงสารเกษตรกรบ้าง เค้าอยู่ได้เศรษฐกิจบ้านเราขับเคลื่อนนะจ๊ะ
………,,,,,,,,,,,,,,,,
ณ.แสงฉานยังมีเงาฉัน

 

อ่านผลงาน Herman Hesse มานานตั้งใจมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้วว่าสักวันหนึ่งจะมาตามรอยนักเขียนในดวงใจให้ได้ และแล้ววันนี้ก็มาถึง บ่ายวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 เวลาบ่ายคล้อย 14 นาฬิกา ฉันมีคำถามมาจากบ้านว่า เหตุใด Hesse ถึงมีผลงานเขียนที่เข้าถึงตัวตนของสิ่งที่เค้าเขียนนัก เค้ามีจิตวิญญาณกับงานเขียนแทบทุกเล่ม จนฉันได้เข้ามายืนเยือน ความรู้สึกแรกคือเมือง Calw ซึ่งเป็นเมืองเกิดของบุคคลสำคัญรางวัลโนเบิล ผู้บุกเบิกงานเขียนแนวคิดพุทธปรัชญาคนสำคัญของเยอรมัน “สิทธารถะ”

ในเมืองแห่งนี้ทุกตารางเมตรดังต้องมนต์ ตึกรามบ้านช่องเก่าแก่ เมืองเงียบสงบ ธรรมชาติแม้จะเปลี่ยนแปลงมีร้านรวงเปิดขึ้นบ้าง แต่ยังคงกลิ่นอายของความเก่าแก่ไว้ได้อย่างดี ระหว่างที่ในมือพลิกอ่านงานของ Hesse ไปด้วย แต่ก็อ่านไม่ออกเพราะเป็นหนังสือภาษาเยอรมันต้นฉบับ สิ่งที่ประทับใจและเข้าใจแก่นมีจิตใจของการถ่ายทอดงานเขียนของท่านได้ทันทีคือ การถ่ายทอดภาษาใจ ร่ายเรียงถ้อยความกมลอักษรถ่ายทอดสิ่งที่เป็นชีวิตจิตใจของเค้า เก็บรายละเอียดละเลียตละเมียดเรื่องราวดินแดนเกิดของเค้าทุกตัวตนผ่านทางตัวอักษรที่ราวกับมีชีวิตของ Hesse ลงไปในเนื้องานนั้นเอง

วันนี้เข้าใจตัวตนเข้าใจงานเขียนของคุณ Hesse ได้ทุกกระบวนอักษร พร้อมทั้งมีความสุขกับการละเมียดละไมเก็บเรื่องราวชีวิตภายในเมือง Calw ดั่งต้องมนต์สะกด ยากจะลืมเลือนที่จะเดินทางกลับมาเก็บเรื่องราวของคุณ Hesse อีกครั้งหนึ่งแน่นอน และที่ขาดไม่ได้เลยคือเมืองนี้มีผลงานศิลปะที่ควบคู่กับงานเขียนที่ถ่ายทอดร่วมกับเพื่อนสนิทที่ชื่นชอบการวาดรูปด้วยลวดลายพู่กันสีน้ำที่ตอนนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ที่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก เบื้องหน้าราวกับมีขีวิตผ่านทางอารมณ์พู่กันได้อย่างพริ้วไหว ระบัดระบายดังหาใครเทียบไม่ได้ เพราะห้วงมโนภาพแจ้งชัดปรากฎจินตใจล้นปนดวงเนตรแจ่มชัด นามว่า Gutet Böhmer เพื่อนของคุณ Hesse รวมทั้งผลงานดนตรีที่ทรงคุณค่า ดินแดนที่โอบล้อมไปด้วยป่าดำ ภูเขา ลำธาร ความงดงามสะกดแก่สายตาของอักษรผู้อ่านและได้รับความนิยมไปทั่วโลก

บัดนี้ฉันได้สัมผัสเองด้วยดวงตาและเรียนรู้จากรอยเท้า สู่รอยเท้าที่ก้าวเดินจากบ้านที่ไทยมา และจะกลับมาเยือนอีกครั้งตามใจปรารถนาค้นหาคำตอบของชีวิต ผ่านบุคคลสำคัญของโลก นาม Hermann Hesse

ขอบคุณก้าวเท้าของตัวเองที่พร้อมออกก้าวเดิน ขอบคุณช่วงชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานผ่านทุกผ่านสุขมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีทั้งคนที่ยังคงเดินทางร่วมกันในชีวิตกับคนที่เดินทางแยกรอยเท้าเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตของตัวเอง ชีวิตเรียนรู้ได้ทุกวินาที เรียนรู้ไม่เคยหมดน้ำหมึก ตราบใดที่ยังมีต้นไม้ มีภูเขา มีลำธาร ชีวิตของเราก็กำเนิดก่อเกิดใหม่ได้ทุกเวลา วันนี้เขียนถึงนายผี แม้นนายผีไม่อยู่แล้ว แต่ลูกหลานนายผียังคงสืบสานตัวอักษรให้มีชีวิตต่อไป คงนั่งคุยจิบน้ำชาย่ามบ่ายที่เมือง Calw อยู่เป็นแน่แท้

 

แล้วพบกันที่เมืองไทยนะ

 

พฤศจิกัญ

1-08-2019

 

พฤศจิกัญ เป็นนามปากกาของ ณัทญา เรืองกรฤทธิ์ ชื่อเล่น Honey ปัจจุบันอายุ 33 ปี กำลังศึกษาภาษาเยอรมันระดับเบื้องต้นเพื่อพำนักระยะยาวในประเทศเยอรมัน เกิดจังหวัดสมุทรปราการ อ.พระประแดง สาวไทยเชื้อสายรามัญโดยกำเนิด ความตั้งใจหลังจากเรียนภาษาเยอรมันจบและใช้ชีวิตอยู่ที่เยอรมัน จะสานฝันตัวเองเขียนหนังสือ 2 ภาษา ภาษาเยอรมัน แปลเป็นไทย ด้านพัฒนาการเด็ก เกี่ยวกับปรัชญาที่เข้าใจง่ายๆ เพื่อพัฒนาภาษาเยอรมันของตัวเองต่อไป รวมไปถึงทำงานด้านแปลภาษาร่วมกับสมาคมแปลภาษาสถาบันเกอเธ่ประเทศไทย พร้อมทั้งแปลภาษาไทยเยอรมันช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนต่อไปค่ะ

หมายเหตุ: ทางโครงการฯ ได้แก้ไขการสะกดคำจำนวนหนึ่งเพื่อสื่อความหมายที่ชัดเจน