Still Lives No. 2 : ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม

ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม

ต้นเดือนมีนาคม 2563 ผมนัดสัมภาษณ์ แบงค์ ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ที่ขอนแก่น ที่ซึ่งศิลปินหมอลำชาวสกลนครย้ายตัวเองมาพำนักอยู่ตั้งแต่เข้าเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และปักหลักทำงานเลี้ยงชีพนับแต่นั้นมา ก่อนหน้านี้ผมรู้จักแบงค์ผ่านข่าวทางการเมืองโดยไม่ได้ลงลึกอะไรนัก จากกรณีที่เขาถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน พร้อมกับ กอฟ ภรณ์ทิพย์ มั่นคง เพราะการแสดงละคร “เจ้าสาวหมาป่า” เมื่อปี 2556 ในวาระครบรอบ 40 ปีเหตุการณ์ 14 ตุลา แต่เมื่อมีโอกาสได้ทำซีรีส์ Still Lives กับสำนักพิมพ์อ่าน จึงมีข้ออ้างที่จะไปนั่งฟังเขา ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง คิดยังไง อะไรทำให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็น

แบงค์นัดผมที่ร้านส้มตำไก่ย่างร้านประจำของเขา เรานัดกันในเวลาร้านเปิดและนั่งคุยกันจนถึงก่อนเวลาอาหารเที่ยง เมื่อหามุมตั้งกล้องเสร็จผมบอกเขาว่าผมอยากถามเพียง 2-3 คำถาม โดยอยากรู้เรื่องชีวิตของเขาหลังออกจากเรียนจำ อยากให้พูดถึงการเป็นศิลปินหมอลำ และการเป็นบรรณาธิการแปลของหนังสือชื่อ ท่งกุลาลุกไหม้  (ประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ในฟิล์มเอสเสเรื่องนี้ ผมจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง)

ก่อนบันทึกภาพ ผมขอเขาอีกอย่างหนึ่ง คือขอให้เขาพูดภาษาลาวอีสานกับผม แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจทุกคำ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะประมวลได้ว่าเขากำลังพูดอะไร ผมอยากรู้ถึงความรู้สึกผ่านภาษา ที่มันมีผลต่อการแสดงออกทั้งทางน้ำเสียงและแววตา

จากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน คำถามเริ่มต้นจากวัยเด็ก แบงค์เล่าว่าเขาเติบโตโดยมีแม่ใหญ่เป็นคนเลี้ยงดู ความเป็นบ้านเมืองที่เขาได้เห็นอยู่รอบตัวในวัยเยาว์คือซากโรงพักเก่าที่ถูกเผาทิ้งร้างมาหลายสิบปีตั้งแต่ยุคปราบคอมมิวนิสต์โน่น และเป็นแม่ใหญ่นี่เองที่เล่าให้เขาฟังถึงความเป็นมาของบ้านเกิดเมืองนอน จากเรื่องใกล้ตัว แบงค์เริ่มสนใจความเป็นไป และเริ่มจากคำถามว่า อะไรคือคอมมิวนิสต์ เมื่อเติบโตขึ้น เขาก็เริ่มหาหนังสือมาอ่าน คุยกับคนแก่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคอมมิวนิสต์ ครั้นเมื่อได้ย่างเท้าเข้าไปในประวัติศาสตร์เสียแล้ว เส้นทางของมันก็เชื่อมโยงต่อมาถึงการเมืองในยุคต่างๆ  ดังนั้นเขาจึงมีความรู้ทางประวัติศาสตร์และการเมืองเป็นพื้นฐานอยู่บ้างมาเช่นนี้

เมื่อเป็นวัยรุ่น เขาสนใจเรื่องดนตรีพื้นบ้าน และสอบเข้าเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเลือกเรียนดุริยางคศิลป์ แขนงวิชาดนตรีพื้นเมือง ในรั้วมหาวิทยาลัยเขาไม่ได้เรียนซื่อๆ เขาร่วมกิจกรรมการเมืองในยุคเหลือง-แดง โดยใช้ทักษะการเป็นศิลปินหมอลำเข้าร่วมการต่อสู้และเผยแพร่ความรู้ความคิดเห็นลงไปในเนื้อเพลง เขาเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าศิลปินต้องมีเสรีภาพทางความคิด และมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เขานำหมอลำมาแสดงเพื่อให้ชาวบ้านเกิดความสนุกสนานและได้ญินได้ฮู้ความเป็นไปของบ้านเมือง

หลังรัฐประหาร พฤษภาคม 2557 การกวาดล้างคนเห็นต่างและการล่าแม่มดของฝ่ายตรงข้ามก็ดำเนินควบคู่กันไป แบงค์ถูกจับ โดยถูกแจ้งข้อหาตามกฎหมายอาญามาตรา 112 และถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน เป็นการตัดสินไปตามครรลองของกฎหมาย เพียงแต่หัวใจของเขายังกังขาว่าตัวกฎหมายนั้นเป็นธรรมหรือไม่สำหรับการลงทัณฑ์ต่อการใช้เสรีภาพทางศิลปะอย่างโลกอารยะทั่วไป ที่ไม่ได้ไปทำร้ายร่างกายหรือทำลายทรัพย์สินของผู้ใด

ความอัดอั้นตันใจและความทุกข์ทรมานอันเกิดจากความไม่เป็นธรรมนั้นเป็นเช่นไร คนที่ไม่เคยถูกกระทำย่อมไม่เคยรับรู้ เขาว่า เมื่อความอยุติธรรมมาเคาะประตูบ้านคุณเมื่อไร เมื่อนั้นแหละคุณจะรู้ ผมนั่งฟังอย่างเงียบสงบ นั่งฟังอย่างนึกภาพตาม ผมเข้าใจความแค้นของเขา และเข้าใจได้ถึงความรู้สึกไม่ให้อภัย

ในเรือนจำเขามีเวลาว่างที่มาพร้อมกับความไร้เสรีภาพ เป็นเวลาว่างอย่างที่ทำให้รู้สึกไร้คุณค่าเพื่อลงทัณฑ์ให้หลาบจำสำนึก แต่เขาจะสำนึกได้อย่างไรเมื่อเขายังคงเชื่อมั่นว่าการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนั้นควรเป็นสิทธิตามกฎหมาย

สองปีในคุกตะรางไม่ได้เสียเปล่า คุกกักขังเสรีภาพทางร่างกายของเขาได้ แต่กักขังวิญญาณเสรีของเขาไม่ได้ เขาใช้เวลาว่างเขียนเพลง และใช้บทเพลงเหล่านั้นเลี้ยงชีพหลังพ้นโทษ ในฐานะศิลปินหมอลำ ในฐานะงานศิลปะที่เขายังคงเชื่อว่าต้องบูชาด้วยเสรีภาพ