นิทานการเมือง เรื่อง “โลกใหม่”

ผลงานผ่านการคัดเลือก โครงการ “เขียนใหม่นายผี” รายการที่ 1

ประเภทผู้มีอายุถึงเกณฑ์ได้สิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา

โดย ขอม ตลุง

 

มีปัญหาที่น่าขันเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในวงสนทนาของผู้เฒ่าที่เชื่อว่าตนเองมีเกียรติรักชาติบ้านเมืองและเชื่อถือได้ บทสนทนามีเนื้อหาไปในแนวทางที่ว่า “ฝากให้ทุกๆ คนเตือนลูกเตือนหลานที่มีสิทธิเลือกตั้งอย่าให้ถูกเขาหลอกได้ บอกด้วยว่าควรเลือกใคร ควรเลือกพรรคไหน ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบรู้นะว่าต้องจบที่ใคร”

ก่อนที่จะมีใครได้เตือนใคร เรื่องราวทั้งหมดอยู่ในสายตาของเด็กสอดรู้คนหนึ่งตลอดเวลา ข่าวคราวเกี่ยวกับวงสนทนาของผู้เฒ่าพร้อมเนื้อหาต่างๆได้ถูกกระจายไปตามสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งรวดเร็ว และรุนแรงเกินกว่าที่ผู้เฒ่าทั้งหลายจะคาดคะเนได้ เกิดแรงกระเพื่อมขนาดมหึมาในวงสังคมและการรับรู้ของคนรุ่นใหม่ ด้วยก่อนการเลือกตั้งใหญ่ครั้งสำคัญ การเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกในบ้านในเมืองนี้รอคอยกันมาหลายขวบปี ซึ่งความเป็นจริงก็นานเกินกว่าที่คาดการณ์กันว่าควรจะเป็น ความคุกรุ่นในระดับที่ใกล้จะเดือดดาลของผู้คนเกิดขึ้นทุกหัวระแหง ด้วยมิทราบว่ามีเหตุอันใดที่เป็นอุปสรรคแห่งความบกพร่องถึงขนาดที่ว่าจำต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเสียหลายหน และเมื่อเลื่อนหลายครั้งเข้าดูคล้ายว่าจะกลายเป็นความเลื่อนลอย ยิ่งใกล้วันกำหนดเลือกตั้งประจวบกับข่าวคราวที่เกิดขึ้นในข้างต้น ทำให้เกิดกระแสการโต้เถียงกันอย่างหนัก กลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานาในสังคมออนไลน์

เมื่อมีผู้เฒ่าที่เห็นว่าคงไม่ได้การหากปล่อยให้กระแสสังคมลุกลามไปมากกว่านี้ ด้วยเกรงว่าทางฝ่ายตนจะเสียซึ่งผลประโยชน์จึงพยายามตอบโต้ด้วยสื่อสังคมออนไลน์เสียบ้าง หวังว่าอำนาจบารมีของตนนั้นจะสามารถชะลอกระแสของข่าวสารและการวิพากษ์วิจารณ์ที่โถมเข้ามาอย่างบ้างคลั่งได้

“หยุดเสียเถิดคนรุ่นใหม่หากคุณยังรักชาติบ้านเมือง เอาเวลาที่มาวิพากษ์วิจารณ์ไปตั้งใจเรียนในห้องเรียนเสียเถิด เมื่อคุณวุฒิคุณถึงพร้อมแล้วเราค่อยมาคุยกันช่วยกันยกมาตรฐานการศึกษาของชาติให้เท่าเทียมสากลจะดีกว่า เหตุแห่งความวุ่นวายที่ท่านๆทั้งหลายต้องเขามาช่วยเหลือชาติบ้านเมือง เพราะเราขาดคนดีที่มีความรู้ความสามารถ”

สายเสียแล้ว คล้ายกลับราดน้ำมันบนกองเพลิงถ้อยแถลงนี้ถูกกระแสตีกลับ ท่านผู้กล่าวและคณะถูกขุดคุ้ยข้อมูลที่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ มีสื่อฝรั่งเมืองผู้ดีตีพิมพ์บทความ “ระบบการศึกษาที่ล้มเหลว คือรากเหง้าของปัญหาทางการเมืองของประเทศนี้” ซึ่งเนื้อหาพูดถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระหว่างนักเรียนในเมืองใหญ่และนักเรียนในชนบทที่มีทรัพยากรต่างกันมาก ตั้งแต่สื่อทางการเรียนการสอนจำนวนครูไปจนถึงโอกาสในการเข้าถึงสถาบันกวดวิชาต่างๆ ทำให้เมื่อมีการวัดผลทางการศึกษานักเรียนทั้งสองกลุ่มจะมีผลคะแนนที่ห่างกันไปเรื่อยๆ เป็นผลให้คนต่างจังหวัดโกรธเคืองและคนในเมืองดูถูกสติปัญาของคนต่างจังหวัด ทำให้เกิดความเกลียดชังกันระหว่างชนชั้น นำไปสู่เหตุการณ์ทางการเมืองไม่รู้จักจบสิ้น แต่ท่านเหล่านี้ในเวลานั้นกลับตอบโต้ทางการข่าวกลับไปว่าเป็นการแทรกแทรงทางการเมืองภายในประเทศ หัวข้อนี้เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและถกเถียงอย่างมากในโลกสื่อสังคมออนไลน์

🐆 แมวเหมียวทุ่งใหญ่เกลียดอำนาจเผด็จการ

17 พฤษภาคม  🌏

ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแชร์

“ระบบการศึกษาที่ล้มเหลว คือรากเหง้าของปัญหาทางการเมืองของประเทศนี้”

ความคิดเห็นที่ 1 : ผมว่าการศึกษาของประเทศเรามีปัญหามากและเรื้อรังพอๆกับการ “รัฐประหาร”

ความคิดเห็นที่ 2 : การศึกษาที่ไร้คุณภาพเป็นบ่อเกิดของความล้าหลังทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ สาธารณสุข สาธารณูปโภค และสารพัดความล้าหลัง แต่สำหรับความแตกแยกทางการเมืองจริงหรือที่ความล้มเหลวทางการศึกษาเป็นสาเหตุ (25คนถูกในใจสิ่งนี้)

ความคิดเห็นที่ 3 : เห็นด้วยครับ การตีความของฝรั่งผมว่ายังขาดอีกส่วนที่สำคัญ ถ้าเรายอมรับว่าการศึกษาของประเทศเราล้มเหลวแต่ชนชั้นนำของประเทศที่เก่งๆ มีความสามารถที่ต้องถูกเรียกถูกเชิญมาร่างมาทำงานรับใช้ในรัฐบาลนี้ หลายคนหาใช่ผลผลิตของการศึกษาในประเทศหากท่านเหล่านั้นไม่ได้เรียนเมืองนอกเมืองนามาตั้งแต่เด็ก ต่างก็ต้องเคยผ่านการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยมา ท่านใดสามารถขุดข้อมูลได้รบกวนด้วยครับ (35คนถูกในใจสิ่งนี้)

ความคิดเห็นที่ 4 : ดิฉันค่ะ อย่างคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการร่าง และอีกหลายๆฉบับมีผ่านมาซึ่งถูกฉีกทิ้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังถูกดึงมาอีกในครั้งนี้ ท่านเป็นถึงนักเรียนทุนรัฐบาลด้านกฎหมายนะคะ จบจาก southern methodist university สหรัฐอเมริกา ส่วนเนติบริกรอีกคนที่รับใช้ได้ทั้งทุนสามานย์และอำนาจเผด็จการ เป็นนักเรียนทุนเหมือนกันค่ะ จบจาก the university of California ผู้พิพากษานักร่างจบจาก Université de Toulouse ฝรั่งเศส

ความคิดเห็นที่ 5 : น่าเสียดายครับ  T0T ทั้งที่มีบุคลากรเก่งๆขนาดไปเรียนเมืองนอกได้ขนาดนี้ การเมืองยังเหลวแหลก

ความคิดเห็นที่ 6 : แม้แต่คนที่เกิดเมืองนอกแท้ๆ ได้รับทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับสูงสุดจากชาติต้นแบบประชาธิปไตย จบ university of oxford เลยนะครับยังสามารถออกไปเป่านกหวีดเรียกทหารออกมารัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้คนเก่งขนาดนี้มาเป็นนายกการเมืองยังไปไม่รอดยังมีลูกพรรคที่จบเกียรตินิยมอันดับ 1พร้อมกันสามสาขา ยังนำม็อบขัดขวางการเลือกตั้ง (25คนถูกในใจสิ่งนี้)

ความคิดเห็นที่ 7 : พวกครูบาอาจารย์ก็มากมาย อย่างอาจารย์ ดร.นางนี้ดิฉันเกลียดมากค่ะชอบดูถูกเพื่อนมนุษย์ทั้งที่เราอยู่กันในโลกเสรีด้วยกัน กล้าพูดถึงขนาดที่ว่าคน สิบห้าล้านคนที่ไม่มีคุณภาพ (ตามความคิดของเขา) เทียบไม่ได้กับคนคุณภาพสามแสนคน จบต่างประเทศเหมือนกันค่ะ ได้รับทุนไปศึกษาต่อปริญญาโท คณะ Master of Arts for Teachers (English) ที่ University of Washington เมืองซีแอทเทิล สหรัฐอเมริกา ปริญญาโท สาขา Journalism Advertising ที่ Northwestern University เมืองเอแวนสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญาเอก คณะวารสารศาสตร์ ด้านสื่อสารการเมืองจาก Southern Illinois University เมืองคาร์บอนเดล ยังมีอธิการบดีม.ดังอีกหลายคนเลยที่เรียกร้องให้ออกมาเป่านกหวีดเรียกทหาร คิดถึงแล้วเศร้ามากค่ะ TT TT TT TT

ความคิดเห็นที่ 8 : นักธุรกิจ ข้าราชการ อธิการบดี ที่รับใช้อำนาจเผด็จการอยู่ทุกวันนี้ผ่านการศึกษาต่างประเทศทั้งนั้น TT TT TT TT

ความคิดเห็นที่ 9 : เราอย่าลืมคนที่ออกมาพูดจนเกิดกระแสครับ จบวรรณคดีฝรั่งเศสจาก Paris-Sorbonne University ม.มีชื่อเลยนะครับ คนเรียนมาทางด้านนี้คงผ่านการอ่านหนังสือดีๆมาเยอะไม่คิดเลยว่าความคิดจะคับแคบได้ขนาดนี้

ความคิดเห็นที่ 10 : มีการศึกษาสูงๆ จากประเทศที่พัฒนาแล้วคงไม่ทำให้ชนชั้นนำเหล่านี้ เห็นดีเห็นงามกับระบอบประชาธิปไตยในมาตรฐานของชาวโลก และตามมาตรฐานของประเทศที่ตัวเองไปร่ำเรียนมา

ความคิดเห็นที่ 11 : หรือเป็นเพราะไปเรียนมาเยอะเลยเห็นข้อเสียมากครับ 5555 (เห็นเครียดหยอดมุขขำๆครับ)

ความคิดเห็นที่ 12 ทางด้านจอมมารหน้าเหลี่ยมและน้องสาวก็ไม่แพ้กันนะครับ 555 จบป.โท รัฐศาสตร์ Kwntucky Staye University ป. เอก Sam Houston State University อาจจะเท่น้อยกว่าอ็อกซ์ฟอร์ด ซอร์บอนน์ Soas นิดหน่อยล่ะครับแต่ก็เมืองนอก 5555555

ความคิดเห็นที่ 13 : จากเม้นต้นๆมาอาจทำให้หลายๆคนคิดว่าคนจบนอกมาแย่ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นผิดมหันต์เลยครับ กกต.ที่ชอบเล่นตลก นี่ก็ไม่แปดเปลื้อนค่านิมยมฝรั่งเลยครับ 555 หัวหน้าพรรคเล็กน้องใหม่ที่น้อมนำคำสอนของศาสนามาหาเสียงแต่พูดไม่มีเหตุผลนี่ก็เหมือนกันครับ 555

ความคิดเห็นที่ 14 : ผมว่าเรียนในประเทศนอกประเทศคงไม่เกี่ยวแล้วครับ พอถึงเวลาจะลืมคนที่ตามตัวเองมาตายห่ากันกลางเมือง ติดคุกติดตะรางโดยไม่เคยได้สิทธิประกันตัวแต่พอทหารพูดเรื่องปรองดอง ยิ้มแก้มปริกันทุกคน

ความคิดเห็นที่ 15 : ผมคิดเหมือนกันครับเรียนที่ไหนมันไม่เกี่ยวหรอก พี่ชายผมตอนนี้เขาพึ่งออกจากคุกครับเขาเป็นคนดังถึงบางครั้งจะเป็นเด็กนิสัยเสียในสายตาใครแต่เขาก็เป็นที่สุดสำหรับผม พี่ก็เรียนโรงเรียนบ้านนอกเรียนสถานศึกษารัฐมาตลอดทั้งยังอยู่ภาคอีสานที่ผลการทดสอบระดับชาติอยู่ต่ำสุดตลอด และที่พี่เขาติดคุกก็ติดด้วยสาเหตุที่อธิบายให้เป็นเหตุเป็นผลแบบที่สากลเขาทำกันไม่ได้ ใช่ว่าเขาพึ่งจะมาดังเพราะเรื่องนี้นะครับ เพราะพี่เขาเป็นนักกิจกรรมมาตลอดออกทีวีก็บ่อยคุณต้องเคยเห็นบ้างล่ะ ยืนถือป้ายบ้างล่ะ กอดกันกับเพื่อนเขาบ้างล่ะ เขามีประวัติการต่อสู้โชคโชนครับ ทั้งรณรงค์ปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิพลเมืองของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงในสังคม ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีโรงเรียนไหนสอน 555 (10562 คนถูกในใจสิ่งนี้)

ความคิดเห็นที่ 16 : หนูเคยดูนิทรรศการที่คุณไม่ควรลืม : “FOR THOSE WHO DIED TRYING” ในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับคนที่ถูกฆ่าตายหรือถูกอุ้ม เพราะเป็นนักต่อสู้เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน พวกเขาตายหรือหายสาบสูญโดยที่ไม่เคยมีใครต้องรับผิดชอบ คนเหล่านี้ที่กล้าลุกขึ้นถามหาความถูกต้องล้วนเป็นผลผลิตจากการศึกษาในประเทศล้วนๆ อยากให้ทุกคนเข้าไปดูค่ะ หนูจะแปะลิ้งค์ทิ้งไว้ด้านล่างอาจเป็นภาษาอังกฤษแต่หนูเชื่อว่าถ้าคุณอยากทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น translate.google ช่วยคุณได้ค่ะ

http://www.lukeduggleby.com/for-those-who-died-trying

นิทรรศการที่คุณไม่ควรลืม : ‘FOR THOSE WHO DIED TRYING’

ความคิดเห็นที่ 17 : เรื่องทั้งหมดทั้งมวลสอนให้เรารู้ว่า สาเหตุของปัญหาทางการเมืองที่นำไปสู่ปัญหาในด้านอื่นๆอีกมากมายนั้นคงมิใช่เฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพียงอย่างเดียว เพราะหากจะชี้ให้ตรงประเด็นต้นเหตุมีส่วนผสมมาจากปัจจัยหลายๆด้าน ทั้งโครงสร้างทางสังคมที่บิดเบี้ยวขาดการดัดแปลงแก้ไขมานาน ทั้งด้านตัวบุคคลนั้นๆที่ทำการรัฐประหาร สภาพแวดล้อมที่เติบโตการเลี้ยงดูและแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติตาม

 

การศึกษาของชาติในปัจจุบันเน้นท่องจำเป็นหลัก ไม่สนับสนุนการคิดวิเคราะห์หรือการตั้งทำถาม อย่างเช่นคำสั่งค่านิยมสิบสองประการเป็นคำสั่งแรกๆหลังยึดอำนาจ เพราะการทำให้เชื่องง่ายต่อการควบคุม ดังนั้นสิ่งสำคัญที่คนรุ่นใหม่พึงกระทำเกี่ยวกับการศึกษาคือ ช่วยเหลือและพึ่งพาตนเองเพราะข้อมูลข่าวสารในยุคสมัยปัจจุบัน เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าในอดีตมากมายหลายล้านเท่า อ่านข่าวหรือข้อมูลที่มีอยู่มากมายในอินเทอร์เน็ต สำคัญที่ต้องวิเคราะห์ตามความเป็นจริงและหลักของเหตุผล ตำราเรียนที่สิบปีปรับปรุงครั้งและถูกขีดเขียนอยู่ในกลุ่มคนวงจำกัดไม่มีทางตามทันในโลกใบใหม่นี้ เช่นผู้เฒ่าทั้งหลายที่กลายเป็นตัวตลกเพราะยึดติดกับโทรทัศน์ช่องเลขคี่ที่มีไม่ถึงหลักสิบ

การศึกษาต่างประเทศที่ได้คุณภาพสนับสนุนการหาความรู้ด้วยตนเองทั้งนั้น เพราะเราอยู่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีจำนวนมากมายและเข้าถึงง่าย หากยังยึดติดอยู่กับข้อมูลในห้องเรียนแหล่งเดียวคงสายไปเสียแล้ว ในระบบการศึกษาสิ่งสำคัญที่เราทั้งหลายควรคาดหวังคือ ระบบการศึกษาที่สอนให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์แยกแยะอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดวิจารณญาณแยกแยะความคิดเชิงวิพากษ์ รู้จักประเมินคุณค่าและอีกหลายๆอย่าง แต่เมื่อโรงเรียนไม่ได้สอนอย่างนี้ “จะโรงเรียนดีๆในเมืองแล้วไปต่อต่างประเทศหรือโรงเรียนบ้านนอกก็มีค่าเท่ากัน”

เพราะการเรียนรู้ที่จะคิดนั้นเริ่มต้นจากตนเองหรือเรียนรู้ที่จะคิดจากสิ่งต่างๆ ที่ไม่เฉพาะแต่อยู่ในห้องเรียน คุณควรถามว่า “ทำไม” บ้างก้ได้ไม่ใช่รับแต่สิ่งที่ถูกป้อนเพราะนั้นอาจเป็นการง่ายต่อการครอบงำและชี้นำความคิด ถามทำไมบ้างแต่เบาๆก็ได้หาคำตอบให้หลากหลายเพื่อถกเถียงกับตัวเอง คุณอาจพบรอยหยักในหัวสมองของคุณเพิ่มมากขึ้น แต่จงระวังเพราะคุณอาจกลายเป็นเด็กก้าวร้าวในสายตาของเหล่าผู้เฒ่า

และเมื่อใดที่คุณได้คำตอบที่ผ่านกระบวนการคิดและตกผลึกแล้ว เมื่อนั้นคุณก็ก้าวร้าวเสียเถิด ก้าวร้าวในความคิดที่คุณเชื่อมั่นและทางที่ท้าวคุณเลือกเดิน เพราะโลกใหม่เป็นโลกของคนไม่หยุดเดิน

 

“ขอม ตลุง” หรือนายประณต พลประสิทธิ์ ศึกษาชั้นปีที่ 2 ครุศาสตร์ ราชภัฎบุรีรัมย์ มาจากอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์