Love, Ida.

ลายเดือนมาแล้วที่ดิฉันอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่เงียบๆ อันที่จริงปกติเล่มไหนๆก็อ่านเงียบๆ ไม่ได้บอกใคร แต่เล่มนี้เงียบในแง่ที่คล้ายจะอ่านอย่างอายๆ เพราะในท่ามกลางสารพัดวิบากอันสืบเนื่องมาจากการเมือง การเงิน การงาน และสังขาร ในท่ามกลางความอลหม่านสิ้นหวังเสียจริตเสียคิดประเดประดัง ดิฉันยังมีแก่ใจจะอ่านหนังสือเล่มนี้

Love, Nina งานเขียนกึ่งบันทึก (จดหมาย) กึ่งนวนิยาย กึ่งจริงกึ่งเล่น ที่เขียนโดย Nina Stibbe อดีตแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงประจำบ้านของ Mary-Kay Wilmers บรรณาธิการที่ดิฉันแอบปลื้ม ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของนิตยสารแนวปริทัศน์-วิจารณ์หนังสือหรือ book review เล่มที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของดิฉันและของ อ่าน คือนิตยสาร London Review of Books

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้สรุปง่ายๆว่าเป็นจดหมายที่แม่บ้านคนหนึ่งเขียนกลับไปถึงคนที่บ้านในชนบทของเธอ เล่าถึงวิถีคิด วิถีจริต และวิถีชีวิตของปัญญาชนแวดวงศิลปวรรณกรรมที่เธอได้มาพบเจอเข้าอย่างงงๆ ผ่านชีวิตประจำวันในบ้านของนายจ้างบรรณาธิการนิตยสารปัญญาชน แต่ละบทชวนขบขัน ชวนอมยิ้มได้ตลอดเวลาสำหรับดิฉัน และแต่ละบทนั้นเล่าเป็นจดหมายที่ลงท้ายว่า Love, Nina.

โดยไม่เกี่ยวกันโดยตรง ดิฉันแค่จะมาบอกคุณว่า ในวาระที่ปีนี้ครบรอบสิบปีวารสารอ่าน และในฐานะที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะไปต่อหรือไม่อย่างไรกัน ดิฉันนึกอยากจะได้เขียนเล่าความหลังบางด้านเกี่ยวกับวารสารหัวนี้ไว้ เป็นแต่เพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยธรรมดาเท่านั้นหรอกค่ะ ที่เอาเข้าจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นประโยชน์แก่ใคร แต่อย่างไรถ้าสนใจก็ติดตามได้เป็นตอนๆ นับจากนี้เป็นต้นไป

ถ้าจะมีใครเคยสังเกต ชื่อคอลัมน์บทบรรณาธิการของวารสารอ่าน ในระยะหลังดิฉันใช้ว่า DEAR READer ที่ก็เป็นเหมือนคำขึ้นต้นจดหมาย และแสดงอาการลังเลอยู่ว่า “…ที่รัก” ที่ดิฉันสนทนาอยู่ด้วยนั้น คือตัว “อ่าน” (READ) หรือว่าคือ “ผู้อ่าน” ที่เป็น er ตัวเล็กๆ มาพ่วงท้าย

ผู้หญิงบ้าน่ะค่ะ คุยกับตัวเองได้ง่ายกว่าคุยกับใครๆ และคุยกับใครๆได้ง่ายที่สุดผ่านการคุยกับตัวเอง

Love,
Ida

หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกในเพจเฟซบุคสำนักพิมพ์อ่าน 6 เมษายน 2561