เสีย แปลว่าหาย หรือตายจาก?

แด่ ซุนโฮ โกตี๋ ภูชนะ กาสะลอง สุรชัย
และผู้สูญ/เสีย/หายทั้งมวลจากการกระทำของคณะรัฐประหารปี 2557


“ท่งกุลาลุกไหม้”
«El Llano en llamas»
ฆวาน รูลโฟ

“คันปะทะกันจั่งซี้อีกเทื่อ เฮากะดับแนวท่อนั้น”

ทันใดนั้น คือจั่งลึดควมเคียดแล้วคาคอ เพิ่นสะมักคำฮ้องใส่โฆเซเซส “กูฮู้อยู่ว่าพ่อมึงเสีย! แต่กะทนแหน่ตี๋ล่ะ ฮู้จักบ่ทน! เฮาสิไปซอกหาเพิ่นอยู่ดอก!”

—Otro agarre como éste y nos acaban.

En seguida, atragantándose como si tragara un buche de coraje, les gritó a los Joseses: “¡Ya sé que falta su padre, pero aguántense, aguántense tantito! Iremos por él!”


หลายคนอาจสงสัยในความหมายของคำว่า “เสีย” ในประโยค “กูฮู้อยู่ว่าพ่อมึงเสีย!” ถ้ารู้ภาษาลาวอีสาน อาจเข้าใจอยู่ว่ามันหมายถึง “หาย” แต่ถ้าไม่รู้ อาจเข้าใจไปว่ามันหมายถึง “ตาย” เหมือนที่นิยมใช้เป็นคำเลี่ยงในภาษาไทย

แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ การ “หาย” กับการ “ตาย” อาจไม่แตกต่างกันนัก สำหรับกลุ่มกบฏที่เพิ่งหนีตายมาได้อย่างหวุดหวิด แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปตามโชคชะตา


“ท่งกุลาลุกไหม้”
«El Llano en llamas»
ฆวาน รูลโฟ

อันที่เฮาแตกซะซายญายญังนั้น หลายๆ คนกะไคแหน่ แต่อีกหลายคนกะซวย ถือว่าเป็นเรื่องแปกคันเฮาบ่ได้เห็นเสี่ยวสหายจักคนห้อยโต่งโต้นขาซี้ฟ้าอยู่ญอดไม้จักกกนำทางจักเส้น คาอยู่หั้นจนเก่าจนเหี่ยวคือหนังบ่ได้ฟอก ซุมแฮ้งกะสิกินซากจากทางใน จกไส้จกพุงออกมาจนว่าญังแต่หนัง แล้วญ้อนว่าเขาเจ้าแขวนไว้สูง ญามลมวอยๆ ศพกะสิแกว่งคือรังฆังไปหลายมื้อ ลางเทื่อฮอดหลายเดือน ลางเทื่อฮอดบ่เหลืออีหญังนอกจากเศษผ้าโส้งปิวลมอยู่คือจั่งมีคนเอาไปตากไว้เทิงหั้น พอเห็นจั่งซั้นแล้วมึงกะสิฮู้สึกได้ว่าเขาเอาจริงอีหลี [เขาคือใคร? ใครสั่งฆ่า?]

เฮาลางคนมุ่งไปทางภูหลวง เฮาเลื้อยคานไปคืองู บัดหนึ่งกะจ้องเบิ่งท่งผืนนั้น เบิ่งแผ่นดินทางลุ่มนั้นอันเป็นหม้องเกิดหม้องอยู่ของเฮามาแต่ก่อน หม้องที่มันท่าสิฆ่าเฮาอยู่บัดนี้ ลางเทื่อเฮาปะสาทจ๊นว่า ส่ำเห็นเงาเมฆกะใจหายใจคว่ำ

Aquella desparramada que nos dimos fue buena para muchos; pero a otros les fue mal. Era raro que no viéramos colgado de los pies a alguno de los nuestros en cualquier palo de algún camino. Allí duraban hasta que se hacían viejos y se arriscaban como pellejos sin curtir. Los zopilotes se los comían por dentro, sacándoles las tripas, hasta dejar la pura cáscara. Y como los colgaban alto, allá se estaban campaneándose al soplo del aire muchos días, a veces meses, a veces ya nada más las puras tilangas de los pantalones bulléndose con el viento como si alguien las hubiera puesto a secar allí. Y uno sentía que la cosa ahora sí iba de veras al ver aquello.

Algunos ganamos para el Cerro Grande y arrastrándonos como víboras pasábamos el tiempo mirando hacia el Llano, hacia aquella tierra de allá abajo donde habíamos nacido y vivido y donde ahora nos estaban aguardando para matarnos. A veces hasta nos asustaba la sombra de las nubes.


ในโมงยามที่หลายชีวิตแขวนอยู่บนยอดไม้เป็นอุทาหรณ์ให้ลิงดู ศพที่อีแร้งจกไส้จกพุงออกมากินจนหมดแล้วนั้น กลับยังเหยียดขาชี้ฟ้าราวกับจะบอกอะไรอีกบางอย่างแก่เราผู้ยังอยู่ต่อไป

เราจะนับสิ่งที่ “เสีย” ไปยังไงได้บ้างจากการกระทำของคณะรัฐประหาร คสช.

กี่คนที่หนีหาย กี่คนที่ถูกฆ่า กี่คนที่ไม่กลับมา?

กี่หลังคาเรือนถูกไล่รื้อ กี่ครอบครัวถูกตั้งข้อหาบุกรุกป่า?

เสียโอกาสประเทศไปกี่บาท ค่าไอเสียพุ่งขึ้นกี่มากน้อย?

เสียเวลารอคอย เสียดายพลังที่เคยมี เสียผู้เสียคน  เสียศูนย์อารมณ์ซักแค่ไหน?

จากจุดที่ฉันนั่งอยู่ในออฟฟิศสำนักพิมพ์อ่าน ก็ยังสัมผัสได้ว่าที่นี่มีหลายสิ่งหลายอย่างเสียไป เสมือนว่าเราต่างบู๋บืนไปลำพัง วันแล้ววันเล่า ฉันเข้ามาทำงานกับตัวหนังสือที่ออฟฟิศคนเดียว อยู่คนเดียวกับแมวสองตัว แล้วกลับบ้านไปคนเดียว บางทีก็ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นค่อนคืน โดยไม่รู้ว่าเราคนอื่นยังสุขสบายดีอยู่หรือไม่

ลิลิลิลิลิต – เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังขึ้น

ด้วยเคยชินกับความโดดเดี่ยว ฉันต้องชั่งใจทุกครั้งเวลาโทรศัพท์ออฟฟิศดัง ลิลิลิลิลิต จะรับหรือไม่รับดี

ครั้งนี้จะโทรมาตามแก้ใบเสร็จอีก หรือโทรมาสั่งซื้อหนังสือแบบลับๆ หรือโทรมาสอดแนม? (ยังไม่เคยโดน แต่มีคนเตือนไว้) ลิลิลิ—

“สวัสดีฮะ”

“สวัสดีค่ะ” ไม่เคยได้ยินเสียงนี้ “ดิฉันขอสาย Detective M. ได้ไหมคะ?”

“ใครนะฮะ?”

“คุณนักสืบเอ็มน่ะค่ะ ดิฉันคุณหญิงทองหลอด ที่เคยใช้บริการนักสืบช่วยเรื่อง ‘คดีแครอท’ น่ะค่ะ”

“คุณ…คุณหญิงทองหลอด นึกว่าคุณหายสาบสูญไปแล้ว!”

“พอดีดิฉันเพิ่งไปร่วมเผาเทพอีสานผู้ให้ร่างกายเป็นความรู้ที่ขอนแก่นแล้วดิฉันเกิดคิดถึงคุณนักสืบเอ็มขึ้นมา ถ้าเขาได้มาเห็นคงจะเก็บอะไรไปเล่าได้เย้อเลย”

“โอ้! ทางนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าดีเทคทีฟเอ็มเขาอยู่ไหน”

“เอ้าเหรอคะ”

คุณเคยไหม คุยกับคนแปลกหน้าทางโทรศัพท์ แล้วน้ำเสียงของเขาเป็นหยาดน้ำชโลมใจให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปในโลก ราวกับว่าเราสนิทสนมกันมาแต่สมัยไหน

ฉันจึงไม่เคยทนให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้นจนมันดับไปเองได้เลย

ฉันคุยกับคุณหญิงทองหลอดอยู่เป็นนาน


คดีคนหาย / คดีจตุคามรามเทพ
The Case of Missing Persons / The Case of the Quadridirectional Rama God Amulets
มุกหอม วงษ์เทศ

“ถ้าสืบคนหายไม่ได้ ดีเทคทีฟเอ็มก็จะหายค่ะ” . . .

ในที่สุดดีเทคทีฟเอ็มก็สืบพบจากปฏิทินตั้งโต๊ะที่คุณหญิงทอดหยอด[sic]มักจดโน้ตกิจธุระนัดหมายไว้ตามวันต่างๆ ว่า วันที่คุณหญิงหายตัวไปนั้นเป็นวันแจกจตุคามรามเทพรุ่น “โคตรรวยบรรลัย มีกูไว้มึงจะถูกเงินท่วมจนตาย” ที่วัดธรรมาค้าขึ้นวิหาร . . .

“การบูชาพระเครื่องไม่มีอะไรอัปมงคลค่ะ ยิ่งตอนนี้กำลังเป็นยุคเรเนอซองส์ของวัตถุมงคลด้วย เกิดจตุคามฟีเว่อร์ก็เท่ดีออกค่ะ อีกหน่อยท่านั่งชันเข่าจะอินเทรนด์ . . .” [ฉันสำลักกาแฟ]



“ถ้าคุณหญิงทองหลอดมีอะไรอยากติดต่อกันอีก อย่าโทรมาที่เบอร์นี้นะฮะ เพราะเดี๋ยวออฟฟิศก็ไม่อยู่แล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนเครื่องกรองน้ำก็เพิ่งเสียไป ต้นไม้ในกระถางสี่ห้าต้นตรงระเบียงด้วย”

“หนูชื่ออะไรนะ”

“ชื่อพีฮะ เรียก Detective P. ก็ได้”

ฉันให้เบอร์โทรศัพท์มือถือส่วนตัวไว้กับคุณหญิงทองหลอด

พอวางสายไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้—เดี๋ยวฉันก็จะหายไปเหมือนกันนี่นา เบอร์ที่ให้ไปก็คงจะติดต่อไม่ได้ในไม่ช้า

เมื่อนักเขียนหยุดเขียน เขาก็กลายเป็นนักเขียนผู้สาบสูญ เพราะนักเขียนที่ไม่เขียน ก็เป็นนักเขียนได้เพียงในความทรงจำผู้อ่าน

การ “หาย” กับการ “ตาย” ก็คงไม่แตกต่างกันนัก เพราะมันคือการ “เสีย” ที่ทำให้โลกของหมู่เราขาดอะไรไปถนัดใจ เหมือนอากาศอันสดชื่นที่เหมือนจะไม่หวนกลับมา

แต่เพื่อนนักวิทยาศาสตร์เคยบอกฉันว่า ในทุกลึดลม เราก็หายใจเอาอนุภาคอากาศที่คนในประวัติศาสตร์เคยหายใจมาก่อน เพราะว่าในแต่ละลมหายใจ เราหายใจเอาโมเลกุลอากาศเข้าปอดมากกว่าจำนวนลมหายใจทั้งหมดที่โลกมี

ในโมงยามของความสูญ/เสีย/หาย ที่เราทำได้จึงเป็นการสืบ/ต่อ หายใจเข้าลึกๆ ซักตั้ง เลือกมีชีวิตอยู่สืบ/ต่อไป สืบ/ต่อลมหายใจของคนในความทรงจำ

ลงชื่อ
นักสืบ/ต่อ พี.

a palimpsest of life / รอยรบ