คำสัญญาของเกล็ดหิมะ

กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหนเหมือนกัน ขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยๆ ยืนรอรถนักเรียนอยู่หน้าโบสถ์หินอ่อนงดงาม พลันก็มีรถเข็นของชายวัยกลางคนท่าทางขยันขันแข็งเข้ามาใกล้

“เอาน้ำส้มไหมหนู” ชายคิ้วเข้มใบหน้ากรำแดดเอ่ยถามอย่างสุภาพ คงเพราะชุดที่สาวน้อยใส่ทำให้ผู้คนต้องสุภาพกับเธอ
“หนูไม่มีเงินเหลือแล้วค่ะ” เด็กหญิงเงยหน้าตอบพร้อมน้ำตาที่ท้นดวงตาทว่าไม่ไหลอาบแก้ม

ชายผิวกร้านดำผู้นั้นมองชุดนักเรียนหรูหราที่เด็กหญิงสวมใส่ ก่อนจะชั่งใจถามออกไป “ทำเงินหายหรือ” มันจะมีเหตุผลอะไรที่เด็กนักเรียนในโรงเรียนราคาแพงจะร้องไห้เพราะเรื่องเงินได้นอกจากทำเงินหายล่ะ แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับต้องร้องไห้ขนาดนี้ เพราะยังไงซะเดี๋ยวพอพ่อแม่หรือรถนักเรียนมารับ ก็ได้กลับบ้านไปกินของดีๆอยู่ดี มีเงินให้ปลอบใจจากพ่อแม่ที่มีเงินเดือนสม่ำเสมอทุกเดือนอยู่แล้ว “หรือว่าโดนเพื่อนแกล้งมา” ชายคนนั้นเริ่มถามอีกคำถามหลังจากน้ำตาของเด็กหญิงร่วงผล็อยลงมาแล้วหนึ่งหยด

และแล้วน้ำตาก็พรั่งพรูราวกับคำถามเหล่านั้นไม่เคยถูกถามมาก่อน เสียงสะอึกสะอื้นไม่อาจตอบคำถามใดได้ ชายผู้นั้นเปิดกระเป๋าเงินแห้งแล้งของตัวเอง ก่อนจะมองน้ำส้มที่รับมาขายรายวันที่ยังเหลืออยู่เกือบเต็มกระบะ ในฤดูหนาวคงไม่มีใครอยากซื้อน้ำส้มเกล็ดหิมะมากเท่าหน้าร้อน แต่ถ้าไม่ขายน้ำส้มเขาก็ไม่รู้จะทำอะไร เขาหยิบมันขึ้นมาหนึ่งแก้วก่อนส่งให้เด็กน้อยผมเปียขี้แย “นี่เขาเรียกว่าน้ำส้มเกล็ดหิมะ ลุงให้”

ทันทีที่เด็กหญิงรับน้ำส้มจากมือหยาบกร้านนั่น ระฆังจากหลังคาโบสถ์ใต้ไม้กางเขนก็ตีบอกเวลาห้าโมงเย็น

พลันพรแห่งเสียงระฆังก็ปลุกเกล็ดหิมะในแก้วน้ำส้มขึ้นมา เกล็ดหิมะเกล็ดหนึ่งในแก้วน้ำส้มที่ชายผิวหยาบส่งให้เด็กน้อยได้รับพรเพราะมันทำให้น้ำตาของเด็กหญิงคนหนึ่งแห้งลงได้ มันจะได้เกิดเป็นเกล็ดหิมะจริงๆ กี่ครั้งก็ได้เท่าที่มันต้องการ

หลังจากที่มันละลายไปอย่างรวดเร็วเพราะลมและอากาศภายนอก มันก็บังเกิดใหม่อีกครั้งในแก้วน้ำส้มเกล็ดหิมะแก้วใหม่ในโรงงานห้องแถว “โอ้ แก้วน้ำส้มอีกแล้วสินะ” มันคิด และภาวนาให้มีใครสักคนมาซื้อมันไปกินเร็วๆ มันจะได้ละลายและไปเกิดใหม่ซะที ครั้งต่อมา มันก็เกิดในแก้วน้ำส้มเกล็ดหิมะอีกในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่ขึ้นอีกนิด “อะไรกันนี่ ทำไมจะต้องมาเกิดในแก้วน้ำส้มอีกแล้วล่ะ นี่มันพรหรือคำสาปกันแน่ล่ะเนี่ย ไหนบอกว่าจะได้เกิดเป็นเกล็ดหิมะจริงๆไง” มันต่อว่าต่อขานเผื่อว่าจะได้ยินไปถึงเทวดาสักองค์ที่ส่งพรนี้ให้มัน

เสียงบ่นยังไม่ทันขาดคำก็มีคนซื้อมันไปกิน มันจำได้ในทันทีว่านี่คือเด็กหญิงที่ทำให้มันได้รับพร หรือ อาจจะคำสาปมันก็ไม่แน่ใจ เด็กหญิงในวันนี้ยังคงซื้อน้ำส้มเกล็ดหิมะกินเมื่อเธอมีโอกาส และคราวนี้เธอก็คว้าเอาแก้วสุดพิเศษขึ้นมา เจ้าเกล็ดหิมะตัวลอย มันอยากจะคุยกับเด็กหญิงเหลือเกิน แต่ทว่ามันไม่รู้วิธีสื่อสารกับใครทั้งนั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะมันเกิดเป็นเกล็ดหิมะไง มันจะสื่อสารกับใครได้นอกจากตัวมันเอง ความคิดที่จะสื่อสารนี้ติดอยู่ในหัวของมันก่อนที่มันจะละลายไปพร้อมกับการดูดกลืนน้ำส้มของเด็กหญิง ที่เมื่อดูดีๆแล้วเธอโตขึ้นมาก และไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนราคาแพงอีกแล้ว เธอสวมเสื้อผ้าที่ขายตามตลาดนัดและตัดผมสั้นเท่าติ่งหูตามกฎบ้าบอของโรงเรียนรัฐบาล ไม่มีหางเปียสวยๆอีกต่อไปแล้ว

เจ้าเกล็ดหิมะเกิดใหม่อีกครั้งในแก้วน้ำส้มเกล็ดหิมะที่ถูกขายในร้านสะดวกที่สุดสำหรับซื้อ และ มันต้องเกิดในแก้วน้ำส้มอีกหลายต่อหลายครั้งกว่ามันจะคิดวิธีการสื่อสารกับเด็กหญิงได้ แต่มันไม่ได้บ่นว่าไปถึงเทวดาหน้าไหนอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยเมื่อมันได้เกิดเป็นเกล็ดหิมะในน้ำส้ม มันก็มีโอกาสที่จะได้เจอเด็กหญิงของมันอีก ถ้าเธอยังชอบกินน้ำส้มปลอมพวกนั้นอยู่น่ะนะ และอันที่จริงเมื่อมันคิดวิธีการสื่อสารกับเธอได้ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะสามารถสื่อสารได้ เพราะไม่รู้ว่าที่ที่มันเกิดนั้นจะเป็นที่ที่เด็กหญิงคนนั้นได้ซื้อน้ำส้มมากินหรือเปล่า

แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตของมันสั้นกว่าเด็กหญิงแน่ๆ ดีนะที่ความทรงจำของมันยังอยู่ในทุกๆครั้งที่มันเกิดใหม่ ไม่เหมือนบุตรมนุษย์ที่มักจะถูกสารเคมีในสมองละลายความทรงจำเมื่อเกิดขึ้นมา แถมอยู่ดีๆก็มีงานวิจัยพบว่าไอ้สารเคมีในสมองทำได้มากกว่าแค่ลบความทรงจำของเด็กๆ มันสร้างปัญหาในชีวิตพวกเขาได้อีกด้วย นั่นอาจจะเป็นพรหรือคำสาปก็ได้ มนุษย์ไม่อาจพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องต่อไปได้เมื่อตายไปแล้ว ทำได้แค่บันทึกสิ่งต่างๆไว้ให้คนรุ่นต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นตัวเองที่จำไม่ได้กลับมาทำมันต่อไปอีกครั้ง ในแบบที่จำไม่ได้นั่นแหละ

ความซับซ้อนของสมองมนุษย์มีมากกว่าเกล็ดหิมะเป็นไหนๆ แต่โชคดีอีกครั้งที่มันได้เจอเด็กหญิงที่บัดนี้กลายเป็นสาวน้อยอายุยังไม่เข้ายี่สิบ และก็ได้เวลาที่มันจะทดลองวิธีการสื่อสารที่มันใช้เวลาคิดไว้ สิ่งที่อยู่ในหัวน้อยๆของมันกำลังพรั่งพรู วิธีการที่มันคิดได้อาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลไม่มีทางรู้ได้ถ้าไม่ได้ลองพิสูจน์

เกล็ดหิมะพยายามทำตัวเองให้อยู่ในความเย็นนานกว่าที่เคย รอจนมันเป็นเกล็ดสุดท้ายของแก้ว ขณะสาวน้อยยกแก้วขึ้นดื่ม เกล็ดสุดท้ายไหลเข้าไปในคอ ความเย็นจับใจไปถึงกระดูกหู ความเย็นกว่าครั้งใดๆกระทบผนังคอของสาวน้อย เธอไม่อาจจะกลืนมันลงไปได้ทั้งหมด ความเหน็บหนาวยังติดอยู่กลางลำคอ “ฉันคือเกล็ดหิมะ” มันกระซิบเข้าในใจของสาวน้อยก่อนที่จะละลายหายไปเพราะอุณหภูมิในร่างกายของเธอ

สาวน้อยไม่อาจเข้าใจได้ว่าสิ่งที่เธอรับรู้ได้เป็นภาษาหรือความรู้สึกกันแน่ เธอยังงุนงงกับสิ่งที่ได้สัมผัส แต่หลังจากนั้นทุกวันหรือทุกครั้งที่มีโอกาส เธอจะซื้อน้ำส้มเกล็ดหิมะมากินเสมอ แม้ว่าค่าแรงที่เธอได้รับจากการทำงานทั้งวันจะไม่ถึงร้อยห้าสิบบาทตามอัตราค่าแรงงานเด็กในโรงงานตึกแถว เธอหยิบเงินในกระเป๋าที่เก็บไว้ซื้อน้ำส้มเกล็ดหิมะจากรถเข็นขึ้นมาจ่าย แล้วดูดน้ำส้มกินอย่างมีความหวังว่าจะได้ยินเสียงสักเสียงอย่างที่เคยได้ยินในตอนนั้น

“ชอบกินน้ำส้มเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเด็กสาว “อื่อ จริงๆชอบเกล็ดหิมะในน้ำส้ม” เธอตอบเบาๆพร้อมกับอาการอ่อยแรงๆตามประสาสาวแรกรุ่นที่เริ่มสนใจเพศตรงข้ามนั่นแหละ แหม ทำเป็นไม่เคยไปได้ หึ!!!!

เอาล่ะกลับมาที่เนื้อเรื่องกันต่อ เพราะถ้าคุณคิดว่ามันจะเป็นเรื่องโรแมนติกแล้วละก็ …. ก็ไม่แน่นะ

ทันทีที่ชายหนุ่มรู้ว่าสาวน้อยตรงหน้าชอบเกล็ดหิมะแถมยังมีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้เห็นหิมะจริงๆสักครั้ง เขาก็ให้สัญญากับหล่อนว่าจะพาหล่อนไปดูหิมะให้ได้ และทั้งสองจะได้มองเห็นหิมะแรกด้วยกัน คือ ขอทำความเข้าใจนิดนึงว่า ตัวผู้ชายก็ไม่ได้รวยแบบพระเอกในละครไง เลยซื้อตั๋วพานางเอกไปดูหิมะทันทีไม่ได้ ก็ต้องเก็บเงินและหาประเทศที่มีหิมะแต่ราคาถูกแถมไม่ต้องขอวีซ่าไว้ในลิสต์เพื่อจะได้วางแผนไปด้วยกัน และแน่นอน เมื่อผู้ชายสัญญา ผู้หญิง-จะ-รอ นี่คือแบบสำเร็จของนิยายทั่วไปที่เราฝังหัวลูกผู้หญิงเอาไว้

แล้วในระหว่างนั้นเจ้าเกล็ดหิมะซึ่งพยายามอย่างล้นเหลือที่จะได้พบกับผู้ให้พรของมันอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้มีโอกาสแรกในการไปเกิดเป็นเกล็ดแม่คะนิ้ง โว๊ย โว๊ย โว๊ย ในที่สุดมันก็ได้ออกจากแก้วน้ำส้มแล้ว ถือว่าพรของมันเริ่มเข้าใจมันมากขึ้นมาอีกนิด การคุยกับตัวเองเริ่มเห็นผลแล้วล่ะ

และครานี้เองที่มันได้ละลายเพราะแสงแดดยามเช้า “นี่เองสินะแสงอาทิตย์ อุ่นจัง” มันละลายอย่างเป็นสุขแม้จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วครู่ มันไม่มีทางรู้ว่าเกล็ดหิมะอื่นๆจะได้รับพรเช่นเดียวกันกับมันหรือไม่ มันไม่เคยรู้และไม่เคยถาม ความทรงจำยาวนานของมันมีแค่การได้พบเจอและปรากฏต่อเด็กหญิงผู้ให้พรแก่มันเท่านั้น ขณะที่เกล็ดหิมะพยายามอย่างหนักต่อการสื่อสารและการไปเกิดให้ใกล้กับเธอมากที่สุด ชายหนุ่มคนนั้นก็นำพาหญิงสาวของเขาไปดูเมืองแห่งหมอก แน่นอนว่าทั้งสองยังไม่มีเงินและการวางแผนการที่ชัดเจนพอที่จะไปดูหิมะ หลังจากที่เขาเสนอแผนหลายต่อหลายที่ แต่ทุกที่ที่เงินในกระเป๋าของเขาทั้งสองจะพาไปได้ เป็นเพียงแค่ที่ที่ “อาจจะ” มีหิมะ

แต่บัดนี้เองที่เจ้าเกล็ดหิมะเริ่มวิวัฒน์ มันแข็งแรงขึ้นจนเกิดเป็นเกล็ดหิมะที่อยู่ระหว่างชั้นบรรยากาศกับหุบเขาสูงที่อยู่เหนือเมืองแห่งหมอกขึ้นไป สาวน้อยไม่ได้ปีนขึ้นมาหามันหรอก เธอไม่ได้วางแผนไว้ และไม่มีเงินมากพอจะจ้างไกด์ แถมยังต้องเตรียมเสื้อกันหนาวที่มีราคาแพงลิ่วเพิ่มขึ้นไปอีก

มันรอคอย เกิด ดับ หลายต่อหลายรอบ โดนพัดพาจากซีกโลกหนึ่งสู่อีกซีกโลกหนึ่ง มันไม่รู้ว่าจะได้พบสาวน้อยคนนั้นอีกเมื่อไหร่ แต่แรงอธิษฐานของมันกล้าแข็งขึ้นทุกวัน มันจะต้องเจอเธอแน่ๆ อย่างไรก็จะได้เจอกัน มันจะโปรยปรายลงบนแก้มของเธอ ซับน้ำตาให้เธอเช่นที่มันเคยทำ

“ฉันสัญญาว่าฉันจะไปพบเธอให้ได้” มันบอก
“ดีเลย เธอจะต้องรอการมาของเราแน่ๆ” มันตอบกลับตัวมันเอง

หญิงสาวไม่ได้รับรู้ถึงคำสัญญานั้นหรอก เพราะเธอยังคงอยู่กับการจัดการความรักและความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงขณะที่เจ้าเกล็ดหิมะเกิดและดับอยู่ตามกำแพงเมืองยาวเหยียด คาบสมุทรกว้างใหญ่วิ่งเล่นไล่ไปกับหมีขาวและรอวันละลายยาวนาน แต่ก็ไม่ได้นานมากนักหรอก เพราะโลกมันร้อนขึ้นน่ะนะ เจ้าเกล็ดน้อยก็เลยไม่ได้รอนานมากเหมือนเกล็ดก่อนๆ

ความรักอาจจะยาวนานกว่าเกล็ดหิมะ แต่ความซื่อสัตย์ของมนุษย์อาจจะไม่ได้คงทนยาวนาน มันอาจจะหายไปไวกว่าการละลายแม่คะนิ้งของแสงอาทิตย์ เมื่อชายหนุ่มรักษาสัญญาไม่ได้ อาจจะเพราะเขาไม่ได้เก่งพอขนาดนั้น หรืออาจจะเพราะเธอไม่ได้สำคัญมากพออีกแล้ว ความฝันและคำสัญญานั้นจึงเลือนรางลงไปคล้ายกับการละลายลงของเกล็ดหิมะในน้ำส้มนั่นแหละ สาวน้อยเดินทางออกจากเมืองร้อนข้ามโลกมาอีกฝั่งโดยไม่ได้คิดฝันว่าจะได้เจอหิมะอีกแล้ว ในหัวของเธอมีเพียงความคิดว่าจะหนีออกไปให้พ้นจากความเจ็บช้ำน้ำใจที่ชายคนรักกระทำให้ป่วยไข้ และหนีให้ไกลจากความแร้นแค้นของประเทศ

และแล้ววันหนึ่งมันก็บังเกิดขึ้น และร่วงบนหลังคาโบสถ์สีฟ้าสดใสในเมืองที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ แน่นอนว่าอุณหภูมิขนาดนั้น มันคงไม่ได้ละลายง่ายๆแน่ แต่ทว่าการอยู่นานขึ้นเช่นที่มันเคยอยู่ในขั้วโลกก็ทำให้มันรับรู้ได้ถึงพัฒนาการภายในของตน แสงออโรร่าสาดใส่มันยาวนานจนมันสามารถสัมผัสถึงพลังที่มันได้รับ เกล็ดของมันปรับเปลี่ยนและแตกยอดรูปทรงหลากหลาย การพัฒนาภายในนี้ทำให้มันแข็งแรงขึ้นและมีเป้าหมายชัดเจนขึ้น มันเริ่มรับรู้ถึงสาวน้อยของมันมากขึ้น มากขึ้น เธออยู่ใกล้กว่าที่มันคิด ใกล้กว่าเดิมมาก มันจึงออกเดินทางอีกครั้ง ความแข็งแกร่งมากขึ้นของมันทำให้มันคงรูปได้นานขึ้น ละลายช้าลงและปลิวไปตามลมได้ง่ายดายก่อนจะก่อตัวขึ้นใหม่ในอีกที่ มันไม่ต้องละลายอีกแล้ว ไม่ต้องเกิดใหม่อีกแล้ว มันเป็นมันที่วิวัฒน์อยู่ตลอดเวลาต่างหาก

มันพยายามพัดไป ไปให้ถึงเธอ สาวน้อยผู้มอบพรวิเศษ พรแห่งวิวัฒนาการแก่มัน พรแห่งการตระหนักรู้ในตนแก่มัน มันตามหาเธอ ตามหาเธอไปเรื่อยๆ บางครั้งมันสู้ลมแรงของทะเลไม่ได้ ไปติดอยู่บนเกาะปลอดภาษีตลอดสัปดาห์ มันจึงคิดว่าจะอ้อมไปหาเธอผู้นั้นได้อย่างไร ในเมืองสีแดงที่ลมแรงขนาดนั้น สายลมย่อมไม่อนุญาตให้มันเข้าไปถึงเธอแน่ “ต้องเข้าอีกทาง” มันบอก “ใช่ ต้องเข้าอีกทาง” มันตอบรับกับตัวเอง ไปพร้อมกับสายฝนนั่นล่ะ น่าจะง่ายกว่าการสู้กับลม

มันอาศัยสายฝนพัดพามันไป เป็นเวลาเดียวกันกับที่สาวน้อยที่มันเฝ้าตามหาเดินอยู่บนถนนเส้นหนึ่งที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำฝน เธอไม่เคยเห็นมัน เพราะมันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะได้เจอเธอเมื่อไร แต่มันจำเธอได้ จำได้แน่ๆ มันจำได้ พรในกายมันเริ่มแผ่ขยายกลายเป็นเกล็ดหิมะนับจำนวนไม่ได้โปรยปรายลงไปพร้อมสายฝน

“นี่หิมะจริงๆเหรอ” เธอถาม
“ใช่ นี่หิมะ แต่มันไม่ได้อยู่นานนักนะ” เสียงคู่สนทนาตอบ

เธอยื่นมือเล็กๆออกจากร่มไปสัมผัสเกล็ดหิมะที่กำลังตกลงมา แม้ว่าบางเกล็ดจะละลายง่ายดาย แต่บางเกล็ดอยู่ยาวนานกว่าอึดใจ และเกล็ดหนึ่งเกล็ดนั้นตกลงกระทบที่แก้มของเธอ เธอไม่ต้องรอเห็นมันพร้อมกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว เธอเห็นมันด้วยตัวเธอเอง เธอสัมผัสมันด้วยตัวเธอเองแล้ว น้ำตาเธอไม่ได้ไหลออกมา เจ้าเกล็ดหิมะซับน้ำตาที่เคยอาบแก้มจนแห้งสนิทมันหล่นกระทบลงไปในใจของหญิงสาวที่มันตามหา แล้วก็ร่วงหล่นละลายไป

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่รักษาสัญญา” เธอรับรู้แล้ว รับรู้ถึงคำมั่นสัญญาของมันทันทีที่มันตกลงบนแก้มซ้ายของเธอ

ก่อนที่มันจะละลายตัวเองลงบนแก้มของเธอ เจ้าเกล็ดหิมะอธิษฐานเสียงดังให้มันได้ครองรักกับสาวน้อยที่มันตามหา ขอให้เธอได้เป็นพรของมันตลอดไป

แน่นอนในโลกนิทานทุกคำอธิษฐานที่แรงกล้าย่อมสมหวัง เจ้าเกล็ดหิมะกลายเป็นชายหนุ่มร่ำรวยแสนฉลาด และเขาก็ตามหาเธอจนเจออีกครั้ง

และคราวนี้หญิงสาวผู้เคยเป็นสาวน้อยคนนั้นจำเขาได้ จำได้อย่างตรึงใจ
“ทำไมเธอจึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” หญิงสาวถามคำถาม
“ฉันเจอเพื่อนที่ชื่อไมโครพลาสติกน่ะ” เขาที่เคยเป็นเพียงเกล็ดหิมะเล็กๆให้คำตอบ