จดหมายถึงอาจารย์วิทยา
ความซับซ้อนเหลือเกินนั้นมิได้มาจากการขบคิดเพื่อความแหลมคมทางเนื้อหา อาจารย์วิทยาไม่ใช่สายวิพากษ์แบบศิลปินอย่างที่เรียกกันว่าสายก้าวหน้า จุดยืนในทาง ‘วิธีวิทยา’ นั้นมีแค่ว่า “ผมก็คิดไปตามความรู้สึกล้วนๆ”
ความซับซ้อนเหลือเกินนั้นมิได้มาจากการขบคิดเพื่อความแหลมคมทางเนื้อหา อาจารย์วิทยาไม่ใช่สายวิพากษ์แบบศิลปินอย่างที่เรียกกันว่าสายก้าวหน้า จุดยืนในทาง ‘วิธีวิทยา’ นั้นมีแค่ว่า “ผมก็คิดไปตามความรู้สึกล้วนๆ”
รูปถ่ายของนพพร ประชากุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาภ […]
ปี 2566 นี้ ถือเป็นวาระครบรอบ 20 ปีของหนังสือ วิจักษ์วิ […]
นี้กระมังที่เป็นสปิริตในงานทั้งหมดของอาจารย์นพพร และคือตัวตนของความเป็นอาจารย์นพพร ประชากุล นั่นคือ นักอ่านที่หลงใหลในวรรณกรรม ผู้สงสัยในคุณค่าของวรรณกรรม, นักมนุษย์ศาสตร์ผู้เคลือบแคลงในลัทธิมนุษยนิยม, คนเปี่ยมเหตุผล ผู้หวาดระแวงในลัทธิเหตุผลนิยม, คนมากน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ ผู้สูญสิ้นศรัทธาในมนุษยชาติ
สำหรับผม วัฒน์ วรรลยางกูร มิได้เป็นเพียงนักเขียนรางวัลศรีบูรพา แต่เขาคือ “ศรีบูรพา” แห่งยุคสมัยของเรา ในทุกมิติของความเป็นนักเขียนและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
สำหรับข้าพเจ้า “เนรเทศ” ไม่ใช่ลี้ภัยชั่วคราวเพื่อรอวันกลับมา เนร คือ นิร คือไร้ ไม่ใช่กลับไม่ได้ แต่ไม่ขอหันหลังกลับมาอีกแล้ว
“เอมีล” และ “เพื่อนครู” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการศึกษาในยุคแรกประชาธิปไตยของไทย ทั้งสองเล่มมีเสน่ห์ชวนอ่านต่างกันไป
ภาพลักษณ์ของจิตร ภูมิศักดิ์ ในยุคปัจจุบัน ที่ดิฉันจะพูดถึงต่อไปนี้ จึงจะไม่ใช่ในความหมายของภาพลักษณ์ที่คนในรุ่นปัจจุบันมองจิตร แต่เป็นในความหมายที่เถรตรงกว่านั้น คือเป็นภาพลักษณะที่เห็นอยู่ในปัจจุบันของความเป็นจิตร ภูมิศักดิ์ หรือกล่าวได้ว่า การเกิดใหม่ของจิตร ภูมิศักดิ์, ถ้าจะมี, ในรอบนี้ มันจะไม่ใช่การเกิดแบบที่มาเชิดชูเป็นวีรบุรุษในตำนานเพื่อกลบเกลื่อนความไร้น้ำยาของตัวเอง แต่มันคือการทำให้เกิด จิตร ภูมิศักดิ์ ขึ้นมาเองในตัวของทุกคน ไม่ใช่การทำให้จิตรเป็น living history เท่านั้น หากคือการ living the history ของจิตรในแบบของเรา
บทความอายุ 70 ปีชิ้นนี้มีหลายส่วนที่น่าอ่านเปรียบเทียบกับสถานการณ์โรคระบาดและระบบสาธารณสุขในปัจจุบัน และไม่เพียงแค่เนื้อหาเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่บทความนี้ยังเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงว่า หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 แล้ว ผู้แทนราษฎรในระบอบประชาธิปไตยต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองตามความรู้ความสามารถ และเสนอความคิดเห็นต่างๆ เพื่อผลักดันให้สังคมไทยทันสมัยทัดเทียมอารยประเทศ
บทบรรณาธิการวารสารอ่าน ปีที่ 2 ฉบับที่ 3 (มกราคม-มีนาคม 2553) ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย อาดาดล อิงคะวณิช เผยแพร่ซ้ำอีกครั้งในวาระครบรอบ 10 ปี เหตุการณ์ 10 เมษา 2553 First published in Thai as an editorial of Aan Issue 2 Vol.3 January-March 2010, translated to English by May Adadol Ingawanij. Reposted on the occasion of the 10th anniversary of the 10th April 2010 event.