ชั้นหนังสือนพพร ประชากุล
รูปถ่ายของนพพร ประชากุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาภ […]
รูปถ่ายของนพพร ประชากุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาภ […]
ในระยะสองสามปีหลังมานี้เรื่องแนวผีสยองขวัญดูเหมือนยิ่งว […]
ปี 2566 นี้ ถือเป็นวาระครบรอบ 20 ปีของหนังสือ วิจักษ์วิ […]
“เป็นเหตุเพราะโรคห่า” คือชื่อเรื่องสั้นเขียนโดย “หง เกล […]
“เอมีล” และ “เพื่อนครู” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการศึกษาในยุคแรกประชาธิปไตยของไทย ทั้งสองเล่มมีเสน่ห์ชวนอ่านต่างกันไป
บทความอายุ 70 ปีชิ้นนี้มีหลายส่วนที่น่าอ่านเปรียบเทียบกับสถานการณ์โรคระบาดและระบบสาธารณสุขในปัจจุบัน และไม่เพียงแค่เนื้อหาเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่บทความนี้ยังเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงว่า หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 แล้ว ผู้แทนราษฎรในระบอบประชาธิปไตยต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองตามความรู้ความสามารถ และเสนอความคิดเห็นต่างๆ เพื่อผลักดันให้สังคมไทยทันสมัยทัดเทียมอารยประเทศ
เมื่อพบว่า พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้ถูกเรียกขานว่า “เชษฐบุรุษ” นั้น ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2490 ในวัยเพียง 58 ปีเศษ ก็นึกอยากรู้ขึ้นมาว่า สังคมไทยในระยะนั้น รำลึกถึงและจดจำการจากไปของหัวหน้าคณะราษฎร ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 อย่างไร?
แทนที่จะมีสมาชิกสภาไปวางพวงมาลา กลับมีบุคคลผู้หนึ่งกะเร่อกะร่าเอาพวงมาลาทำด้วยดอกเฟื่องฟ้าและชงโคฝีมือไม่สู้ปราณีต์นักไปวาง เจ้าหน้าที่เห็นเข้าก็กรูเข้าไปจับกุมกันเปนการใหญ่
หวนหาอดีต? ดิฉันว่ามันก็ไม่เชิง เพราะข่าวสารที่พลัดหายไปบางเรื่อง ก็ชวนให้เราทบทวนตัวเองเมื่อมาอ่านใหม่ได้ในบางแง่มุมเหมือนกัน ยังไม่นับว่ามันอาจปะเหมาะพอดีกับบ้านเมืองเราที่ถอยหลังไปจากสมัยประชาธิปไตยเสียไกลโขเช่นทุกวันนี้
ความห้าวหาญของนักเขียน-นักหนังสือพิมพ์ที่ยืนกรานจะเขียนบันทึกประวัติศาสตร์แม้ในสถานการณ์ชุลมุนฝุ่นตลบ — ร่องรอยถ้อยคำและเจตจำนงอันจับใจที่คนรุ่นหลังได้แต่อ่านแต่ไม่เคยพบเจอ