ปีศาจที่ชื่อว่าไอ้เด็กผู้หญิงสองคนนั่นในเกาะสวยน้ำใสแจ๋ว
พวกเขาถูกหลอกหลอนโดยปีศาจ ปีศาจเล็กๆสองตน ที่ชาวเมืองเรียกว่า “ไอ้เด็กผู้หญิงสองคนนั่น”
พวกเขาถูกหลอกหลอนโดยปีศาจ ปีศาจเล็กๆสองตน ที่ชาวเมืองเรียกว่า “ไอ้เด็กผู้หญิงสองคนนั่น”
Weird fiction คืออะไร? สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น – พอเห็นแล้วก็จะอวิชชาไปหมดที่โดนมันแปดเปื้อน
What is weird fiction? It’s time we talk about the Shoggoth in the room.
หวนหาอดีต? ดิฉันว่ามันก็ไม่เชิง เพราะข่าวสารที่พลัดหายไปบางเรื่อง ก็ชวนให้เราทบทวนตัวเองเมื่อมาอ่านใหม่ได้ในบางแง่มุมเหมือนกัน ยังไม่นับว่ามันอาจปะเหมาะพอดีกับบ้านเมืองเราที่ถอยหลังไปจากสมัยประชาธิปไตยเสียไกลโขเช่นทุกวันนี้
ผลสัมฤทธิ์ที่ปรากฏทำให้ได้เห็นความเป็นไปได้นานาของการกลับไปหาอดีตที่ไม่ใช่การปัดฝุ่นบนหิ้งเพื่อเฉลิมฉลองวันเวลาอันเลิศแต่หนหลัง ตรงข้าม มันเป็นการเป่าเถ้าฟืนให้ตื่น-ลุก-โลดขึ้นมาเป็นเปลวอีกครั้งเหมือนดังยุคสมัยนั้นที่บ้านเมืองไม่ดีแต่ก็ยังมีคนแยกแยะได้ว่าสิ่งใดดี-ไม่ดีและพยายามทุกวิธีที่จะจุดประกายทางปัญญา
มันก็อาจจะคล้ายๆกับนิทานหลายๆเรื่อง ที่สุดท้ายบุรุษเหล่านี้ก็ผิดสัญญา และแม่มดก็ย่อมต้องแค้นใจและกลับมาแก้แค้น แต่ แม่มดเรื่องนี้ไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้นหรอกน่า
ในบรรดาผลงานที่ผ่านการคัดเลือก ผู้อ่านสามารถสัมผัสได้ถึงการหยิบจับแง่มุมคนละแง่ของชิ้นงานชวนอ่านไปต่อยอด รูปแบบจดหมายของชิ้นงานชวนอ่านมีความก้ำกึ่งหลายประการที่เอื้อต่อการแตกประเด็นใหม่ๆ ตั้งแต่ความก้ำกึ่งระหว่างความรู้สึกนึกคิดจากมุมส่วนตัวกับความคิดเห็นเปิดผนึกที่ต้องการสื่อในที่สาธารณะ ความก้ำกึ่งระหว่างระยะห่างทางเวลาและสถานที่ที่ทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างพรั่งพรูกับความสนิทชิดใกล้ที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ กระทั่งความก้ำกึ่งระหว่างการเขียนไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีโครงสร้างกับการตั้งมั่นครุ่นคิดอยู่กับเรื่องสำคัญที่คาใจ
ลุงเองก็ไม่ต้องห่วงผมอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ผมปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ที่เบอร์ลินได้เร็วกว่าที่คิด สิ้นปีก่อนผมผ่านการสอบวัดระดับภาษาเยอรมันที่ผู้ลี้ภัยเข้ามาใหม่ทุกคนจำเป็นต้องสอบ ทำให้เทอมที่แล้วผมมีสิทธิได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายเหมือนกับเด็กเยอรมันทั่วไป แต่มีเรื่องหนึ่งที่ตลกมากเกิดขึ้นทั้งๆ ที่โรงเรียนผมมีเด็กเยอรมันอยู่เต็มไปหมด แต่เพื่อนคนแรกในเบอร์ลินที่นั่งติดกับผมในห้องเรียนกลับเป็นผู้ลี้ภัยเหมือนกัน
ฉันจะยังไม่ไปไกลถึงสันติภาพของโลก ฉันจะขอพูดถึงประเทศของฉันนี่แหละก่อน แล้วฉันก็นึกถึงคำคำหนึ่ง คำนั้นคือ “ชังชาติ” นี่นับเป็นคำใหม่และกำลังติดตลาด มันถูกคิดขึ้นใช้เมื่อไม่นานนี้เอง(คุณอาจเคยได้ยินมาแล้ว)โดยฝ่ายไม่เอาประชาธิปไตยเพื่อใช้ประณามฝ่ายประชาธิปไตยท่ามกลางบรรยากาศการเมืองแบบแบ่งขั้วที่ยังติดหล่มยืดเยื้อมายาวนาน . . . ฉันเองแม้ไม่ชอบคำนี้ แต่ฉันรู้ว่าจะไปห้ามไม่ให้เขาพูดไม่ได้ เพราะโดยหลักแห่งเสรีภาพเขาย่อมสิทธิที่จะพูด ถ้าฉันไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วย ที่ฉันจะทำได้คือ ใช้เสรีภาพเดียวกันนั้นพูดแสดงความคิดของฉันโต้กลับไปเท่านั้นเอง การโต้กันไปมาเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมันก่อประโยชน์ให้กับทั้งระดับบุคคลและสังคมได้
ข้าพเจ้าเห็นใจประชาชนทั้งหลาย ความขัดแย้งทางการเมืองได้สอนให้รู้ว่า การที่เขาอยู่เฉย หรือยอมเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ย่อมทำให้เขาไม่อาจพ้นความสูญเสียไปได้ คัดค้านความขัดแย้ง และพิทักษ์สันติภาพเท่านั้นที่ประชาชนจะยังอยู่อย่างร่มเย็น เวลานี้ไม่ว่าที่ไหนในรัฐนี่มีแต่คนทำงานกันอย่างขะมักเขม้นทั้งนั้น ประชาชนในเมืองหลวงได้ร่วมกับ นักเคลื่อนไหวองค์กรเอกชน 2475 นักวิชาการ นักศึกษา ประชาชนที่รักสันติภาพที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็มี พวกเขามาช่วยขนอิฐ ขนหิน ซากปรักหักพังที่มาจากการชุมนุมประท้วงอันเกิดจากความขัดแย้งนั้น เพื่อให้การบูรณอาคารนั้นได้รวดเร็วเข้า ศูนย์ราชการ ห้างร้าน สนามกีฬา ได้สร้างขึ้นมากมายตามริมถนนหนทางที่มีแสงไฟสวยงาม เวลานี้ประชาชนในเมืองหลวงได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อจะได้ให้เมืองหลวงแห่งนี้สมกับที่จะเป็นเมืองจัดการประชุมสันติภาพสากลในคราวนี้